กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
"ใครหลายคนอาจมองว่าการค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต รวดเร็วกว่าเปิดจากหน้าหนังสือ แต่หนูกลับไม่คิดอย่างนั้น ที่นี่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ เพราะเราอยู่ในพื้นที่ห่างไกล กว่าจะโหลดข้อมูลบนเว็บไซต์แต่ละหน้าได้ อาจใช้เวลาเท่ากับอ่านหนังสือได้สิบหน้า สำหรับหนูการเปิดหน้าหนังสืออ่านจะทำให้จดจำรายละเอียดได้ดีกว่าการใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือเสียอีก"
เสียงจาก "น้องพลอย" หรือ นางสาวกชมน มังษาอุดม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านห้วยตาหมิง จังหวัดสุราษฎร์ธานี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของห้องสมุดซึ่งแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนของเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลชุมชนเมือง
ท่ามกลางโลกในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ผู้คนนิยมพกพาอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวขนาดกะทัดรัด ที่เชื่อมโยงกับระบบอินเทอร์เน็ต สามารถค้นคว้าหาข้อมูลหรือหาความรู้จากการอ่านด้วยปลายนิ้วได้อย่างสะดวกรวดเร็ว น้อยคนนักจะนึกถึงเด็กๆ ในโรงเรียนในพื้นที่รอบนอก ที่แม้จะด้อยโอกาสจากสังคมดิจิทัล แต่ยังคงมีความต้องการศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียน ต้องการสถานที่ที่เอื้ออำนวยกับการอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ "ห้องสมุด กรุงศรี ออโต้" ยังคงเป็นโครงการดีๆที่กรุงศรี ออโต้ มอบให้กับเยาวชนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้
โครงการ "ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้" เป็นหนึ่งในโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ที่ "กรุงศรี ออโต้" ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ เครือกรุงศรี ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2553 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนในชุมชนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน หนังสือ และสื่อการสอน ให้มีโอกาสทัดเทียมเท่ากับเด็กในชุมชนเมือง ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนไทยมีนิสัยรักการอ่าน และรู้จักแสวงหาความรู้นอกห้องเรียน
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ธุรกิจด้านสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทุกๆ ครั้งที่ไปส่งมอบห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ มักจะมีคนถามผมอยู่เสมอ ว่าห้องสมุด ยังมีความสำคัญอยู่หรือไม่ สมัยนี้เด็กๆ ใช้แท็บเล็ต หรือ สมาร์ตโฟนเข้าสู่โลกโซเชียล สังคมออนไลน์กันหมดแล้ว แต่ผมยังคงเชื่อในเรื่องของการอ่านหนังสือในห้องสมุด ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยกับการอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิ สิ่งเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นให้เด็กๆพัฒนากระบวนความคิดวิเคราะห์ได้ดี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เด็กๆได้มาร่วมศึกษาหาความรู้ ทำกิจกรรมร่วมกันจริงๆนอกเหนือไปจากสังคมบนโลกออนไลน์"
"เราให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มเข็งให้กับชุมชนและท้องถิ่น อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการศึกษาซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เยาวชนของเรามีความแข็งแกร่งด้านความรู้และทักษะการใช้ชีวิต และทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่เราได้ดำเนินการส่งมอบ ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ ไปแล้วก่อนหน้านี้ 12 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย"
นางกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะกรรมการอาสาสมัคร กรุงศรี ออโต้ กล่าวว่า "ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ ที่เราได้ส่งมอบให้กับโรงเรียนบ้านห้วยตาหมิง ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี นับเป็นห้องสมุดแห่งที่13 ซึ่งมีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ ที่ได้จัดมุมเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้เด็กๆได้เห็นถึงน้ำพระทัยของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอด 70 ปีที่ผ่านมา และนอกจากการส่งมอบห้องสมุด พร้อมทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนการสอน และอุปกรณ์กีฬาแล้ว เรายังได้รับความร่วมมือจากพนักงานจิตอาสาและคู่ค้าเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ภายในงาน อาทิ ปรับปรุงสนามเด็กเล่นและภูมิทัศน์โรงเรียน ทำความสะอาดคอกสัตว์เลี้ยง มีการจัดอบรมในน้องๆเยาวชนกับโครงการ กรุงศรีรอบรู้เรื่องเงิน ตอน "เรื่องเงิน เรียนง่าย" ให้กับนักเรียน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีวินัยทางการเงิน รู้จักการออมและใช้เงินอย่างถูกวิธี รวมถึงกิจกรรม "9 คำสอนพ่อ ให้น้องๆ โรงเรียนบ้านห้วยตาหมิง ได้น้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงต่อไป"
ในฐานะผู้บริหารสถานศึกษา นายสันติศักดิ์ ผุดเอียด ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยตาหมิง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวถึงโรงเรียนบ้านห้วยตาหมิงและห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ ว่า "โรงเรียนของเราเน้นการเรียนการสอนตามแนวพุทธทาสศึกษา และตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านแบบแผนที่เรียกว่า TEMPLE Model (T: Team E: Enjoy M: Moral P: Participation L: Leadership และ E: Excellence) ในการขับเคลื่อนและพัฒนาโรงเรียน โดยให้ความสำคัญเรื่องคุณธรรม นำสู่ความเป็นเลิศ เพราะเชื่อว่าถ้าเด็กมีคุณธรรม พื้นฐานจิตใจที่ดี เรื่องของวิชาการ การเรียนรู้ก็จะดีตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ จะเป็นตัวช่วยเสริมเรื่องสมาธิ และการเรียนรู้นอกตำราเรียนได้เป็นอย่างดี" ผู้อำนวยการหนุ่มไฟแรงวัย 42 ปี กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เด็กหญิงอรัชพร โชติกุล หรือน้องไอซ์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า "ทีแรกก็สงสัยว่าโรงเรียนเตรียมพื้นที่ตรงนี้ไปทำอะไร เลยเดินเข้าไปถามคุณครู พอรู้ว่าจะมีห้องสมุดใหม่ หนูดีใจมาก แต่ก็อดถามต่อไม่ได้ว่าใครเป็นคนให้เงินสร้างห้องสมุด เพราะโรงเรียนเราเล็กและอยู่ห่างไกลมาก หนูเข้าห้องสมุดตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล เพราะชอบอ่านหนังสือนิทานและหนังสือที่มีภาพประกอบสวยๆ ทำให้หนูมีจินตนาการในการเรียนวิชาศิลปะ ซึ่งเป็นวิชาที่หนูชอบมากที่สุด หนูอยากให้ห้องสมุดแห่งใหม่นี้ อยู่กับหนูไปนานๆ หนูสัญญาว่าจะช่วยกันดูแลรักษาให้ดีที่สุดค่ะ"
"ห้องสมุดเป็นมากกว่าแหล่งเก็บรวบรวมความรู้จากหนังสือ เพราะเป็นที่เสริมความรู้จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนและครูประจำห้องสมุด ผมจึงเลือกใช้บริการห้องสมุดมากกว่าอินเทอร์เน็ต ถ้าเรามัวแต่ค้นหาข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ อาจทำให้เราไม่มีสังคมและกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ สิ่งที่ชอบที่สุดในห้องสมุดแห่งใหม่นี้คือโต๊ะอ่านหนังสือที่มีสีสันสวยงาม ทำให้เพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือและที่สำคัญคือสามารถอ่านหนังสือด้วยกันกับเพื่อนได้หลายคนครับ" เด็กชายอภิรักษ์ สุขอยู่ หรือน้องตอ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
"การได้รับมอบห้องสมุดใหม่ในครั้งนี้ สำคัญมากสำหรับหนูและเพื่อนทุกคน เพราะนอกจากจะเป็นศูนย์รวมความรู้นอกห้องเรียนแล้ว ยังเป็นมรดกที่มีคุณค่าให้กับโรงเรียนบ้านห้วยตาหมิงของหนูด้วยค่ะ" นางสาวกชมน มังษาอุดม หรือน้องพลอย กล่าวสรุป
ไม่ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะก้าวหน้าล้ำยุคไปไกลแค่ไหน จะเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตเราอย่างไร การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเยาวชน ให้พวกเขาได้เห็นคุณค่าของการการแสวงหาความรู้นอกห้องเรียนก็ยังคงความสำคัญไม่แพ้กัน ห้องสมุดจึงนับเป็นสถานที่สำคัญ ที่เด็กและเยาวชนสามารถใช้เวลาว่างศึกษาหาความรู้กับเพื่อนๆ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่จะช่วยให้พวกเขาเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ มีทักษะในการใช้ชีวิตที่ดี มีภูมิคุ้มกันจากสิ่งเร้าและอบายมุขทั้งปวง ตลอดจนสามารถพัฒนาชุมชน และถิ่นกำเนิดของตนเองให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างดีต่อไป