เอไอเอสจำหน่ายหุ้นกู้ 1 หมื่น 2 พันล้านบาท แก่นักลงทุนสถาบันและบุคคลธรรมดาในวงจำกัด

ข่าวทั่วไป Friday March 2, 2001 17:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--เอไอเอส
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบเซลลูล่าร์ 900, จีเอสเอ็ม 2 วัตต์และมือถือพร้อมใช้ วัน-ทู-คอล! เปิดเผยถึงการจัดจำหน่ายหุ้นกู้เอไอเอส ว่า "ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2544 ได้มีมติให้ออกหุ้นกู้ประเภทระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน ทยอยคืนเงินต้นและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2549 แก่นักลงทุนสถาบันและบุคคลธรรมดาที่ประสงค์จะลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป (Private Placement) มูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเอไอเอสจะทำการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ปีละ 5.3% ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งบริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) ,ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์ตเตอร์ จำกัด, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารเอบีเอ็น แอมโร เอ็นวี สาขากรุงเทพฯ/ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย โดยมีบริษัท หลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นกู้ เอไอเอส ครั้งนี้"
"หุ้นกู้ เอไอเอส ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ไทยเรตติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในประเทศไทยที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) โดยหุ้นกู้ของบริษัทฯไดัรับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ "AA-" (ดับเบิ้ลเอ-ลบ) หมายถึง หลักทรัพย์นี้มีความเสี่ยงต่ำมาก และมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูงมาก อีกทั้ง TRIS ยังได้ทำการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้บริษัทฯจำนวน 8 พันล้านบาท ที่ออกเมื่อต้นปี 2543 จาก "A+" เป็น "AA-" โดยอันดับความน่าเชื่อถือที่บริษัทฯได้รับนั้นเป็นอันดับที่ดีที่สุดในภาคเอกชน ซึ่งเอไอเอสเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในปัจจุบันที่ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว"
ทั้งนี้ทริสได้กล่าวถึงการจัดอันดับของเอไอเอสในครั้งนี้ว่า "…ตลาดธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี แม้ว่าอาจจะไม่เพิ่มมากถึง 53% เช่นที่เกิดขึ้นในปี 2543 โดยปัจจัยสนับสนุนประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการที่ลดลงเรื่อยๆ และการเสนอบริการรูปแบบใหม่ๆ ราคาของเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงถึง 30% - 40% ในช่วงปี 2543 และมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกในปี 2544 นอกจากนั้น อัตราการเป็นเจ้าของโทรศัพท์ต่อประชากรโดยรวมของไทยที่ระดับ 6.1% ณ ปลายปี 2543 ซึ่งถือว่ายังเป็นอัตราที่ต่ำเป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้สูง…" โดยทริสกล่าวต่อไปว่า "…เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีลูกค้าประมาณเกือบ 2 ล้านราย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด ณ ปลายปี 2543 ประมาณ 52% ในช่วงปี 2543 บริษัทมียอดการเติบโตของลูกค้าถึง 60% ซึ่งสูงกว่าระดับ 46% ของ…" ของคู่แข่งโดยตรงของบริษัทฯ นอกจากนี้ทริสยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "…แม้ว่าในอนาคตผู้ประกอบการรายใหม่จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 2 รายลดลง แต่คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อรายได้ ทั้งนี้เพราะปริมาณการใช้บริการโดยรวมจะเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากราคาที่ถูกลงและการเสนอบริการใหม่ๆ…"โดยนายสมประสงค์กล่าวต่อไปว่า "จากการที่ทริสได้ประกาศจัดอันดับหุ้นกู้ของบริษัทดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯที่ได้รับความไว้วางใจและเป็นที่เชื่อถือของนักลงทุนประเทศไทย อนึ่งการออกหุ้นกู้เอไอเอสครั้งที่ 1/2544 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมเงินโดยผ่านตลาดตราสารหนี้และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ท่ามกลางสถานการณ์ดอกเบี้ยที่ตกต่ำในปัจจุบัน โดยเอไอเอสจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการลงทุนขยายเครือข่าย ชุมสาย และสถานีฐาน อันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต (Basic Network Expansion) นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับแผนงานในการบุกเบิกรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ประเภทข้อมูล (Non Voice Application) รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนงานบริการทุกด้าน อาทิ การให้บริการเทคโนโลยี GPRS ที่จะพัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์เคลื่อนที่กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Wireless Internet) ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในอนาคตได้ใช้บริการที่มีประสิทธิภาพและได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากเอไอเอส"
สำหรับหุ้นกู้ของเอไอเอสนั้น จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อได้ตั้งแต่ วันที่ 12-22 มีนาคม 2544 โดยนักลงทุนสถาบันสามารถสอบถามรายละเอียดและจองซื้อได้ที่
1. บริษัท หลักทรัพย์ ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) โทร. 232-2841-4
2. ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์ตเตอร์ จำกัด โทร. 724-8884
สำหรับนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่ประสงค์จะลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป สามารถสอบถามรายละเอียดและจองซื้อได้ที่
1. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 1571
2. ธนาคารเอบีเอ็น แอมโร เอ็นวี สาขากรุงเทพฯ โทร. 679-5900
3. ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) โทร. 285-1555
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เอไอเอส โทร. 02-299-5831 และ 299-5042--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ