กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--Vivaldi
การแข่งขันวันที่ 3 ของศึกเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าครั้งที่ 30 ประสบสภาพลมเบาตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้การแข่งขันเรือใบใหญ่ออกสตาร์ทเกือบเที่ยงวัน แต่สภาพลมเบากลับเอื้อให้ทีมเรือไทยเจ้าถิ่นอาศัยเทคนิคพลิกสถานการณ์ ทำผลงานโดดเด่นจนครองตำแหน่งผู้นำของวันได้ถึง 5 รุ่น คือ รุ่นไออาร์ซี 0 , พรีเมียร์, ปลาทูวันดีไซน์, มัลติฮัลล์ครูซิ่ง, และ ครูซิ่ง ฝ่ายเรือใบเล็ก อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส กลุ่มผู้นำยังคงเป็นนักกีฬาทีมชาติและดาวรุ่งหน้าเดิมจากวันแรกๆ
นาวาเอกพรพรหม สกุลเต็ม รองผู้อำนวยการกองกำลังพล ทัพเรือภาคที่ 3 ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 30 แสดงความเห็นถึงการแข่งขันในวันนี้ว่า "สภาพลมเบาวันนี้ทำให้นักกีฬาเรือใบต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างจากสองวันแรกมาก เพราะในสภาพลมแรง นักกีฬาต้องอาศัยพละกำลังและทำงานหนักตอลดเวลา แต่ในสภาพลมเบาแบบวันนี้ จะเน้นที่การตัดสินและการดูทิศทางลมที่ละเอียดกว่า เรียกว่าใช้เทคนิคขั้นสูงเพื่อหาจุดที่ได้เปรียบในสนามแข่ง ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการมีสภาพลมแบบวันนี้ทำให้การแข่งขันแฟร์มากขึ้น เพราะถือเป็นการทดสอบทักษะที่แตกต่างของทีมเรือ ซึ่งทีมที่เล่นได้ในสภาพลมทุกแบบจึงจะถือว่าเทพอย่างแท้จริง"
นอกเหนือจากทีมเรือไทยตัวเก็งทั้ง 3 ลำ คือ เรือทีเอชเอ 72 ในรุ่นไออาร์ซี 0, เรือไพน์แปซิฟิก ในรุ่นพรีเมียร์ และ เรือราชนาวี 1 รุ่นปลาทูวันดีไซน์ ที่สามารถคว้าที่ 1 ของวันนี้แล้ว ในการแข่งขันวันที่ 3 ปรากฏอีก 2 ความหวังของทีมเรือใบไทย ได้แก่ เรือซีฮับของกัปตันศุภกิจ ด้วงเงิน ในรุ่นครูซิ่ง และเรือแองเจิลของกัปตันศราวุธ จันทร์ทอง ในรุ่นมัลติฮัลล์ครูซิ่ง ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจนคว้าที่ 1 ของวันได้เป็นครั้งแรก และยังสามารถทำคะแนนรวมตีตื้นคู่แข่งได้แบบหายใจรดต้นคอ
กัปตันเรือไพน์แปซิฟิก อิทธินัย ยิ่งศิริ แชมป์ 3 สมัยในรุ่นพรีเมียร์ เล่าว่า "กำลังลมวันนี้ค่อนข้างเบา โดยในการแข่งขันทั้ง 2 รอบมีแรงลมราว 9-12 น๊อตเท่านั้น ประกอบกับลมเปลี่ยนทิศตลอดเวลา ซึ่งทำให้เราต้องมีการวางแผนที่รอบคอบมากขึ้น ประกอบกับวันนี้ลูกเรือทุกคนทำงานได้ดีมากโดยแทบไม่มีข้อผิดพลาดเลย อีกทั้งเรือของเรามีน้ำหนักเบากว่าคู่แข่ง การที่สภาพลมเบาจึงทำให้เราได้เปรียบอยู่เล็กน้อย ส่วนการแข่งขันในวันต่อๆ ไปยังต้องอาศัยการประชุมวางแผนที่ดีให้สอดรับกับสภาพอากาศ แต่ยังมั่นใจว่าจะคว้าแชมป์คิงส์คัพรีกัตต้าสมัยที่ 4 ได้อย่างแน่นอน"
ฝ่ายกัปตันศุภกิจ ด้วงเงิน แห่งเรือซีฮับ เล่าถึงการแข่งขันในวันนี้ว่า "การแข่งขัน 2 วันแรกนั้น เรายังเล่นไม่เข้าขากันนักเนื่องจากไม่มีเวลาฝึกซ้อมเลย ประกอบกับมีอุปกรณ์ในลำเรือเสียหายเล็กน้อยในการแข่งวันที่ 2 ทำให้เราค่อนข้างเสียเปรียบ แต่ในวันที่ 3 นี้ ทีมเล่นดีมากและเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ และวันนี้มีกำลังลมเบาถึงปานกลาง ซึ่งเป็นสภาพลมที่เราถนัด จึงยิ่งทำผลงานได้น่าพอใจมาก"
กัปตันศุภกิจ ด้วงเงิน ประธาน Samui Yacht Club กล่าวถึงทีมเรือของตนเองว่า "เราเพิ่งตั้งทีมซีฮับในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก โดยการแข่งขันภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้านี้ถือเป็นการแข่งขันรายการที่ 2 ของทีม รายการแรกคือ Bay Regatta ซึ่งเราสามารถคว้าที่ 1 ในรุ่นครูซิ่ง ซึ่งในการแข่งขันรายการที่ 2 นี้เราก็มั่นใจว่าจะคว้าถ้วยพระราชทานได้เช่นกัน โดยนอกเหนือจากความตั้งใจในการแข่งขันแล้ว เรือซีฮับยังตกแต่งใบเรือใหม่ด้วยตัวอักษร "ธ สถิตในดวงใจ" และลูกเรือทุกคนยังสวมเสื้อที่มีตัวอักษร "คนไทยในรัชกาลที่ 9" เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสืบสานกีฬาเรือใบอย่างเต็มความสามารถ"
ในส่วนของการแข่งขันเรือใบเล็ก อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส สภาพลมเบาในการแข่งขันวันที่ 3 ไม่เป็นปัญหาในการแข่ง โดยกลุ่มตัวเก็งยังคงเกาะอันดับหนึ่งบนตารางเหมือนกับวันก่อนๆ โดยผู้นำในรุ่นเลเซอร์สแตนดาร์ด ยังคงเป็นของ กีรติ บัวลง ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดวัน เช่นเดียวกับ กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม ผู้นำในรุ่นเลเซอร์เรเดียล และ อธิษฐ์ โรมานิค ในรุ่นเลเซอร์ 4.7 ส่วนในรุ่น 470 นาวี ธรรมสุนทร และ ณัฐ บุตรมารศรี ยังครองอันดับ 1 เหมือนเมื่อวาน มีเพียงรุ่น 420 ที่ทีมของสุนธร แย้มพินิจ และ นพพร บุญเชิด ที่สามารถคว่ำแชมป์เก่า ขึ้นมาครองอันดับ 1 ได้ในวันนี้ สำหรับเรือใบออพติมิสต์ ศรัณวงค์ พูนพัฒน์ ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตามคาด