กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--IR network
LIT ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/59 โตไม่ยั้ง หลังลูกค้าเอสเอ็มอีแห่ขอใช้บริการสินเชื่อ อานิสงส์ภาครัฐเดินหน้าขยายการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ ด้านผู้บริหาร "สมพล เอกธีรจิตต์" มั่นใจรายได้-กำไร ปีนี้ นิวไฮต่อเนื่อง ตั้งเป้าคุมเอ็นพีแอลที่ระดับ 2.50% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่บอร์ดไฟเขียวออกตั๋วบี/อี วงเงินไม่เกิน 900 ล้านบาท เผยแผนปล่อยกู้ปี 60 หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนสุดประทับใจให้กับนักลงทุน
นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) (LIT) ผู้ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-Bank ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 ที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เพิ่มมากขึ้น จากการที่ภาครัฐเดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจ็กต์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้
"ผมมั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อ รายได้ และกำไร ในปีนี้ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงก่อนหน้าที่คาดว่าจะเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะ LIT มีโปรดักท์การเงินที่มีความหลากหลาย ภายใต้จุดแข็ง อนุมัติสินเชื่อรวดเร็ว ให้วงเงินสูง ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ลูกค้าเอสเอ็มอี ให้ความไว้วางใจและขอรับบริการสินเชื่อกับ LIT "นายสมพลกล่าว
โดยตั้งแต่ไตรมาส 1-3 ของปีนี้ บริษัทฯ มีปริมาณการปล่อยสินเชื่อรวม 5,275 ล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับไตรมาส 1-3 ปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณการปล่อยสินเชื่อรวม 3,618 ล้านบาท มีการเติบโตถึง 46% ทำให้พอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 1,438 ล้านบาท จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่พอร์ตสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ 1,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%
สำหรับปี 2560 ลีซ อิท ได้กำหนดเป้าหมายในการเติบโตทั้งในส่วนของยอดการปล่อยสินเชื่อ พอร์ตสินเชื่อและรายได้ โดยตั้งเป้าหมายปริมาณการปล่อยสินเชื่อในปี 2560 ที่ 10,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นที่สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring) หรือการรับซื้อหนี้การค้าและสินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูล (Bid Bond) ซึ่งสินเชื่อทั้งสองประเภทนี้ มีความต้องการใช้สินเชื่อจากลูกค้าSMEs เป็นจำนวนมาก และได้รับผลบวกจากการขยายตัวการลงทุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่ยังคงมีปริมาณสูงและคาดว่าจะต่อเนื่องในปี 2560 และบริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่มากกว่า 2,200 ล้านบาท โดยเน้นการเพิ่มพอร์ตสินเชื่อLeasing/Hire Purchase ให้ถึง 550 ล้านบาทภายในปี 2560 เพื่อให้บริษัทฯ มีรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) และครอบคลุมต้นทุนคงที่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยเน้นเพิ่มเป้ารายได้จากสินเชื่อให้กู้ยืมเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) ให้อยู่ที่มากกว่า 35% ของรายได้รวม เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยบริษัทฯ จะคัดเลือกลูกค้าที่มีศักยภาพมาใช้บริการสินเชื่อประเภทนี้เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) (LIT) กล่าวอีกว่า แม้ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) พอร์ตสินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของการดูแลคุณภาพสินเชื่อ และการตั้งสำรองหนี้สูญ หรือหนี้สงสัยจะสูญ เป็นอย่างมาก โดยในปี 2559 ตั้งเป้าหมายการสำรองไว้ที่ 2.50% ของสินเชื่อคงค้าง และในปี 2560 ตั้งเป้าหมายการสำรองไว้ที่ 2.75% เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการตั้งสำรองที่บริษัทฯ เคยกำหนดไว้ที่ 3% ในอนาคต
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการรุกตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีในปี 2560 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้ออกตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) วงเงินไม่เกิน 900 ล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน หรือ 9 เดือน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ โดยเสนอขายตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559 ซึ่งจะช่วยทำให้การบริหารงานมีความคล่องตัว และสามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินให้สอดคล้องกับยอดปล่อยสินเชื่อได้ดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 4:1 เท่า เพื่อให้โครงสร้างทุนสอดคล้องกับการเติบโตของบริษัทในปี 2560 นี้ด้วย
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 มีรายได้รวม 72.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.47 ล้านบาท หรือ 42.07 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 51.03 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.85 ล้านบาท หรือ 49.28 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.96 ล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโปรเจ็กต์ส่วนงานราชการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่รับงานจากภาครัฐ มีความต้องการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น และจากแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเติบโตอย่างมั่นคง
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 59 บริษัทฯมีรายได้รวม 197.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.44 ล้านบาท หรือ 41.13 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 139.66 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 71.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.33ล้านบาท หรือ 42.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 50.62 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินการงวด 9 เดือน ปี59 มากกว่าผลการดำเนินงานตลอดปี 2558 ทั้งปี