กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--พีอาร์ สตอรี่
ปัจจุบันมีโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ปฏิบัติอยู่นั้น เหมาะสมกับสภาพร่างกายในแต่ละช่วงวัย และนำมาซึ่งร่างกายที่แข็งแรงอย่างแท้จริง
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินแบลคมอร์ส จากประเทศออสเตรเลีย นำโดย น.ส. ผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบลคมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม Blackmores Livemore VIP Days 2016 สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองด้วยวิถีธรรมชาติ โดยเชิญพญ. ธิศรา วีรสมัย หัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1 ร่วมให้ความรู้ในหัวข้อ "Be a Well Being สุขภาพดีทุกช่วงวัยใครว่ายาก?"
พญ. ธิศรา วีรสมัย หัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวว่า การใช้ชีวิตในแบบ Well Being คือการกินดีอยู่ดี ชีวิตเต็มไปด้วยความผาสุข ต้องประกอบไปด้วยความสุขสมบูรณ์ทั้งในแง่ร่างกาย และจิตใจ มีหน้าที่การงานมั่นคง อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและครอบครัวที่ดี ทั้งนี้ความผาสุขของร่างกายและจิตใจนั้น จะต้องสามารถบริหารความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในแต่ละช่วงวัยจะมีความเครียดและการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมือนกัน
กลุ่มวัยทำงาน เป็นกลุ่มที่ต้องเผชิญกับภาวะเครียดมากที่สุด เพราะสนใจกับหน้าที่การงานลืมดูแลสุขภาพ ซึ่งการทำงานหนักทำให้ร่างกายเผชิญความเครียดทุกๆ นาทีโดยที่ไม่รู้ตัว ปัจจุบันมีโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (computer vision syndrome) หมายถึง การใช้สายตาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จนกล้ามเนื้อตาอ่อนล้า มีเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อตาลดลงจนปวดกล้ามเนื้อตา มองภาพไม่ชัด เหล่านี้แฝงอยู่ในความเครียดและกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารอยากความหวาน รับประทานแต่อาหารในกลุ่มแป้ง น้ำตาล ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมประกอบกับการใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ ในกลุ่มนี้การดูแลสุขภาพจึงเน้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เหมาะสม และที่สำคัญคือการรับประทานอาหารและได้สารอาหารที่ครบถ้วน ปัจจุบันอาหารที่มีงานวิจัยพบว่าสามารถต้านความเครียดได้ดี จะอยู่ในกลุ่มพวกวิตามิน บี และควรทานอาหารที่มีสารอาหารแมกนีเซียม วิตามิน ซี และธาตุสังกะสีร่วมด้วย
กลุ่มครอบครัว ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ หากอยู่ในช่วงการเตรียมความพร้อมจะมีบุตร ก่อนการตั้งครรภ์มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานโฟเลตก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน และหลังตั้งครรภ์ทานอย่างต่อเนื่องอีก 3 เดือนจะช่วยลดความพิการของไขสันหลังเด็กลงได้ส่วนหนึ่ง ในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร ก็ควรได้สารอาหารที่อยู่ในกลุ่ม Omega 3 ซึ่งจะมีสาร DHA ช่วยบำรุงสมองลูก แต่หากอยู่ในช่วงการเลี้ยงลูก ร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน ซี เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยวิตามิน ซี จะพบมากในผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยว ผักใบเขียว แต่ข้อเสียคือวิตามิน ซี สลายตัวง่าย การปรุงอาหารด้วยความร้อนจะสูญเสียวิตามิน ซี ได้ถึงร้อยละ 60 การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามิน ซี จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย นอกจากนี้ในแง่ของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย การศึกษาวิจัยพบว่าการรับประทานวิตามินซี วันละ 2000 มิลลิกรัม ติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จะช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ที่เรียกสารฮิสตามีนได้ร้อยละ 40 อีกด้วย
กลุ่มวัยทองหรือวัยสูงอายุ ร่างกายจะขาดฮอร์โมน เกิดความเสื่อมของเซลล์ เช่น ผิวพรรณไม่ชุ่มชื้น ความทรงจำแย่ลง ไขมันในเลือดสูงขึ้นทำให้มีโอกาสไขมันอุดตันและเกิดภาวะหลอดเลือดตีบ ไม่ว่าจะเป็นสมองหรือหัวใจ การเสื่อมของข้อเข่า ดังนั้นการดูแลที่สำคัญคือปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต พักผ่อนให้เพียงพอและการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด ควรออกกำลังกายในลักษณะที่เรียกว่า เวท แบริ่ง เน้นการออกกำลังกายให้กระดูกแข็งแรง เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ แต่หากมีน้ำหนักตัวมากจนมีอาการเจ็บข้อเข่า อาจเป็นการเดินออกกำลังในน้ำแทนสารอาหารที่เหมาะสำหรับคนกลุ่มนี้ ได้แก่ สารอาหารโคเอนไซม์ คิวเท็น ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของหัวใจ และในขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยลดโคเลสเตอรอล รวมถึงควรรับประทานอาหารที่ให้ Omega 3 ซึ่งมี EPAและ DHAโดยเฉพาะ EPA มีบทบาทลดไขมันตัวร้าย หรือไตรกลีเซอไรท์ และเพิ่ม HDL หรือไขมันตัวดี ให้กับร่างกาย รวมถึงยังช่วยลดการอุดตันของหลอดเลือด ส่วนปัญหาผู้สูงอายุเข่าเสื่อม นอกจากทานแคลเซียมและวิตามิน ดี แล้ว กลูโคซามีน ก็มีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นสารตั้งต้นของไฮยาลูโรนิคแอซิด ซึ่งพบมากในกระดูกอ่อนตามข้อ มีคุณสมบัติช่วยให้ความยืดหยุ่นกระดูกอ่อนดี การเคลื่อนไหวของข้อต่างๆเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ลดกระบวนการอักเสบตามข้อได้ดีอีกด้วย
"การจัดการความเครียดในแต่ละช่วงวัยจะไม่เหมือนกัน การรู้เท่าทันคือการยกตัวเองออกจากตัวเอง มองตัวเองแบบเป็นคนนอก และให้รู้ว่าอายุเท่านี้เราต้องการอะไร มองทุกปัญหาเป็นความท้าทาย ทำทุกอย่างด้วยความรัก เราก็จะสนุกกับสิ่งที่ทำทุกวันและไปถึงเป้าหมายอย่างไรแบบไม่เครียด มองโลกในแง่บวกและนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด" พญ ธิศรา กล่าวในที่สุด