กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,134.71-1,144.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,350 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 250 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ16 อยู่ที่ 19,380 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 290 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,670 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.22 น.ของวันที่ 15/12/16)
แนวโน้มวันที่ 16 ธันวาคม 2559
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ช่วง 0.50-0.75% แม้จะเป็นไปตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ แต่ดูเหมือนว่าตลาดประหลาดใจกับสัญญาณของเฟดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งใน ปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 2 ครั้ง และ เฟดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปี 2561 ประเด็นดังกล่าวทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน จนกดดันราคาทองปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 10 เดือน ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นการปรับที่เล็กน้อยมากในเส้นทางของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ท่าทีเชิงคุมเข้มนโยบายของเฟดเกิดขึ้นหลังจากนายทรัมป์จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษี, การใช้จ่าย และการผ่อนคลายกฎระเบียบตามที่เคยหาเสียงไว้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี การปรับตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดทองคำ เห็นได้จากกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยังคงลดสัดส่วนการถือครองทองคำลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทต่อดอลลาร์อ่อนค่ามากสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยแตะที่ 35.80 ซึ่งช่วยพยุงราคาทองคำภายในประเทศไว้ให้อ่อนตัวลงน้อยกว่าราคาทองคำต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของไทย เปิดเผยว่าไม่กังวลผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ไม่ได้เป็นแรงกดดันให้ไทยต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยตามเฟด ซึ่งยังคงเน้นการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวในทิศทางขาลง โดยรอจังหวะการดีดตัวตัวของราคาเพื่อขายทำกำไรในระยะสั้นพร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตเพราะราคายังคงเคลื่อนไหวตามกระแสการคาดการณ์ต่างๆ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนจับตาบริเวณ 1,134 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนได้จะเกิดแรงซื้อที่ดันราคาให้ดีดตัวขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,152 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเมื่อราคามีการปรับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ ระยะสั้นหากราคายืนเหนือแนวรับได้ ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อหวังทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวขึ้นอีกครั้งแต่หากหลุดควรชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,134 (19,170บาท) 1,126 (19,040บาท) 1,113 (19,820บาท)
แนวต้าน 1,152 (19,480บาท) 1,161 (19,630บาท) 1,173 (19,840บาท)
GOLD FUTURES (GFZ16)
แนวรับ 1,134 (19,320บาท) 1,126 (19,200บาท) 1,113 (18,970บาท)
แนวต้าน 1,152 (19,630บาท) 1,161 (19,780บาท) 1,173 (20,000บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999