กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--ธนาคารยูโอบี
ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้มีรายได้สูงในเอเชียประจำปี 2559 พบว่าการท่องเที่ยวเป็นของไลฟไสตล์สำคัญของผู้มีรายได้สูงในภูมิภาคเอชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ยมากกว่า 9 ใน 10เดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี โดยผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทยเดินทางท่องเที่ยวที่ต่างประเทศโดยเฉลี่ย2 ครั้งต่อปี
การชลอตัวของเศรษฐกิจและความรอบคอบเรื่องการเงินที่มีมากขึ้น ทำให้ผู้มีรายได้สูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หันมาท่องเที่ยวภายในภูมิภาคเอเชีย การสำรวจพบว่าร้อยละ 80 ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยไปเยือนประเทศในแถบเอเชียตะวันออกในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา และจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยวในต่างประเทศอีกครั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเดินทางเพื่อการพักผ่อนตามด้วย สิงคโปร์ เกาหลี ฮ่องกง และจีนตามลำดับ
ฟรานซิส ตัน นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มธนาคารยูโอบีกล่าวว่า ประเทศเอเชียจะได้รับประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังวางแผนการเดินทางเพื่อควบคุมงบค่าใช้จ่ายในการเดินทางและความเชื่อมโยงทางการบินที่มีมากขึ้นในภูมิภาค
"ค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงทำให้นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีรายได้สูงเลือกเอเชียเป็นจุดหมายเพื่อรักษากำลังซื้อไว้ และการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินภายในภูมิภาคของสายการบินต่างๆก็ทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในเอเชียถูกลง" นายตันกล่าว
รายงานนี้ยังพบว่านักท่องเที่ยวผู้มีรายได้สูงในไทยคำนึงถึงงบค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเป็นเรื่องแรกในการวางแผนการท่องเที่ยวในอีกหนึ่งปีข้างหน้า รองลงมาคือสภาพอากาศและระยะทาง
แจ็คเกอรีน ตัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและการชำระเงินกลุ่มธนาคารยูโอบีกล่าวว่า ในการให้บริการแก่ผู้มีรายได้สูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ธุรกิจต้องมอบการบริการที่ช่วยในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
"เพื่อให้ตรงกับความคาดหวังของผู้มีรายได้สูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราได้ริเริ่มความร่วมมือภายในภูมิภาคกับแบรนด์การท่องเที่ยวเพื่อช่วยให้เราบริการลูกค้าได้ดีขึ้น ความร่วมมือเหล่านี้จะทำให้เราสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เราจะมอบให้ลูกค้าในขณะที่เรากำลังขยายฐานลูกค้าในตลาด เราตั้งเป้าจะสร้างการเติบโตให้ฐานลูกค้าบัตรเครดิตและเดบิตในภูมิภาคร้อยละ 35 และเพิ่มยอดการใช้ผ่านบัตรร้อยละ 40 ในอีก 4 ปีข้างหน้า"
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์จะช่วยผลักดันการเติบโตในภูมิภาคของยูโอบี
เพื่อผลักดันให้ถึงเป้าหมายในการเติบโตธุรกิจบัตรเครดิตในภูมิภาค ธนาคารยูโอบีได้ร่วมมิอเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ชั้นนำในธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ในระดับภูมิภาคให้กับลูกค้าเป็นครั้งแรก ด้วยเป้าหมายในการให้ลูกค้าบริหารค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ได้ดีที่สุด
ผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารยูโอบีในไทยมีสิทธิ์ที่จะได้รับไมล์สะสมของสายการบินชั้นนำในภูมิภาคสูงถึง 60,000 ไมล์ ซึ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะแลกตั๋วเดินทางไปกลับกรุงเทพและลอนดอนได้ หากมีการใช้จ่ายครบ 5,000 บาทในหนึ่งใบเสร็จรับเงิน ธนาคารยูโอบีตั้งยอดการมอบไมล์สะสมทั่วภูมิภาครวมทั้งสิ้น 10 ล้านไมล์ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2560 ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารงประมานในการชอปปิ้งและท่องเที่ยวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายสูงสุด
นายยุทธชัย เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า "ในขณะที่ผู้มีรายได้สูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พยายามสร้างความสมดุลย์ระหว่างการท่องเที่ยวต่างประเทศและการบริหารค่าใช้จ่าย เราคาดว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และธนาคารยูโอบีจะยังคงแสวงหาความร่วมมือกับแบรนด์ในภูมิภาคเพื่อเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้าของเรา
ก่อนหน้านี้ธนาคารยูโอบีได้เปิดตัวโครงการ UOB Passport ที่เป็นโครงการระดับภูมิภาคที่จะให้สิทธิพิเศษกับผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารในขณะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ตัวอย่างเช่นผู้ถือบัตรไทยจะสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษและรางวัลต่างๆที่ผู้ถือบัตรสิงคโปร์ได้รับหากเดินทางไปชอปปิ้งที่ Club 21 หรือห้างพารากอนในสิงคโปร์