กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--มทร.ธัญบุรี
"เมื่อทราบว่าจากทางทีวี เป็นการเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เหมือนกำลังใจที่สำคัญขาดหายไป " น้ำเสียงของ นางสาวอรธีรา รสหอม หรือน้องส้ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 (หลักสูตรต่อเนื่อง) สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี นักศึกษาพิการทางการเคลื่อนไหว 1 ใน นักศึกษาทุนการศึกษามูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
"ส้ม" นางสาวอรธีรา รสหอม เล่าว่า ที่ตนเองสามารถดำเนินชีวิตในสังคมมาได้ทุกวันนี้ ได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ "พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตากับตนเองและครอบครัวล้นพ้น" ด้วยช่วงนั้นเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2 โรงเรียนศรีวิชัย ตนเองประสบอุบัติเหตุทำให้ตนเองสลบไปถึง 9 วัน นอนในห้อง ICU 19 วัน และต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 4 เดือน จากอุบัติเหตุทำให้เธอกลายเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว (ต้องใส่ขาเทียมขาขวา และต้องใส่วิก
ตลอดชีวิต) "ตอนนั้นตนเองได้แต่ร้องไห้ ครวญคางกับแม่ว่าอยากจะตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ และต้องทรมานกับแผลไฟไหม้ ที่ต้องตัดชิ้นเนื้อในร่างกายมาปะติด" ในการเข้าห้องผ่าตัดแต่ละครั้งต้องใช้ค่าใช้จ่ายเงินค่อน ข้างสูง โดยตอนนั้นทางบ้านไม่ได้มีฐานะ คุณแม่และคุณพ่อหย่าร้างกัน ตนเองมีเพียงแม่ แม่จึงได้เขียนหนังสือถวายฎีกาถึงในหลวง ตนเองจึงได้รับเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ และได้เป็นนักศึกษาทุนการศึกษามูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี
เคย "คิดฆ่าตัวตาย" ความยากลำบากในการใช้ชีวิต เพราะว่าตนเองไม่เหมือนคนปกติ จะได้เดินหรือเดินทางไปไหนจะไม่สะดวก แต่เมื่อนึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช เห็นพระองค์ท่านเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ พระองค์ทรงงานหนักและลำบาก บวกกับได้รับเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ และได้เป็นนักศึกษาทุนการศึกษา เหมือนได้เกิดขึ้นเมื่อชีวิตมาทุกวันนี้ พระองค์ท่านทรงเป็นขวัญและกำลังใจของตนเอง "วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย" โทรไปหาแม่ แม่บอกกับตนเองว่า "ต้องอดทน และเข้มแข็ง ให้ตั้งใจทำความดี ไม่ให้ท้อ เป็นคนดีของประเทศ พระองค์ท่านทรงพระเมตตาให้ทุนการศึกษากับเรา" ซึ่งทุนการศึกษาที่ได้รับมา ตนเองจะใช้จ่ายอยากประหยัดและจำกัดมากที่สุด ด้วยความพอเพียง ตามคำสอนของพระองค์ท่าน ตนเองคิดเสมอว่า พระองค์ท่านต้องมองมาจากบนฟ้า มองลงมาดูนักเรียนและนักศึกษาของท่านดำเนินชีวิต ทำประโยชน์ให้กับสังคมและเป็นคนดี ช่วยกันพัฒนาประเทศ "ตนเองเดินทางไปท้องสนามหลวงเพื่อร่วมเพลงสรรเสริญพระบารมี" ถึงแม้ว่าต้องเดินไกลพอสมควร และรู้สึกปวดขามาก เนื่องจากขาเทียมข้างขวา แต่ตนเองไม่ท้อและไม่หมดกำลังใจที่จะไปทำเพื่อพ่อหลวง และตั้งใจเข้าไปกราบพระบรมศพอีกครั้ง
ทางด้านนางจำรูญ แพ่งสุภา แม่ของน้องส้ม เล่าว่า "ตอนที่ตัดสินใจเขียนหนังสือถวายฎีกาถึงในหลวง" ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือน้องส้มได้มีเพียง นึกถึงในหลวง "เทวดาที่อยู่บนดิน" เพียงพระองค์เดียวที่สามารถช่วยลูกได้ โดยผ่านไปประมาณ 1 เดือน ได้รับการติดต่อกลับมา ขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียด และได้ทรงเจ้าหน้าที่ของทางจังหวัดเข้ามาสำรวจ ผ่านไปประมาณอีก 1 เดือน พระองค์ท่านได้รับน้องส้มเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ได้เป็นนักศึกษาทุนการศึกษามูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนั้นทางมูลนิธิยังได้พระราชทานเงินทุนดำรงชีพครอบครัว 50,000 บาทให้กับครอบครัวของตนเอง (นำมาเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน) พระองค์
"ท่านทรงเป็นเทวดาที่อยู่บนดิน ไม่มีอะไรมาเทียบได้ ทรงพระเมตตาต่อครอบครัวของเรา ท่านทรงเป็นเทวดา โดยจะสอนน้องส้มเสมอ เงินที่ได้รับมาให้ยกขึ้นเหนือหัว ใช้จ่ายอยากประหยัดที่สุด ให้นำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในการใช้ชีวิต" ตนเองและลูกรู้สึกซาบซึ้งในพระเมตตาเป็นล้นพ้นจนหาที่สุดไม่ได้สำหรับการเกิดมาในชีวิตนี้ โดยตนเองจะเดินทางไปกราบพระบรมศพพระองค์ท่านสักครั้งให้ได้ น้องส้มกล่าวทิ้งทาย
ปัจจุบันน้องส้มทำงาน Part -Time อยู่ที่โลตัสคลอง 7 และกองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี เพื่อหาเงินมาแบ่งเบาภาระทางบ้าน และได้รับเงินทุนให้เปล่าที่ทางมหาวิทยาลัยให้เมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมา แต่ปีการศึกษานี้เธอปฏิเสธเนื่องจากอยากให้คนอื่นได้รับโอกาสเหมือนเธอบ้าง นี้คือมุมสะท้อนจากนักศึกษาพิการคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตนเองจะเดือดร้อนเพียงใด แต่ยังนึกถึงคนอื่น อีกหนึ่งตัวอย่างดีๆ ของสังคมไทยทุกวันนี้