กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--มูเกนได
เป็นตำนานความอร่อยแบบฉบับนิฮอนที่เหล่าเซเลบฯ คนดัง ชื่นชอบจนกลายเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ทอล์กออฟเดอะทาวน์ ไปแล้ว สำหรับ "มูเกนได" ล่าสุด ฉลองย้ายบ้านใหม่ไปปักหลักประจำอยู่ที่ "มูเกนได ฮอนเต็น" ทองหล่อ ซ.10 ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นวัตถุดิบคุณภาพชั้นดี โดยฉลองย้ายบ้านใหม่ด้วยการครีเอท "8 เมนูพิเศษ" คอลลาบอเรทกับร้านดังของชาวปารีเซียง เมซอง เดอ ลา ทรูฟ (Maison de la Truffe) รังสรรค์อาหารญี่ปุ่นรูปแบบใหม่ ผสมผสานความเป็นตะวันออก มารวมไว้กับความเป็นตะวันตก ด้วยความหอมหวลของทรัฟเฟิลชั้นยอดจากฝรั่งเศส
คุณก้อง – กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูเกนได จำกัด ผู้นำและผู้พัฒนาธุรกิจร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมของเมืองไทย กล่าวว่า "กว่า 6 ปีที่มูเกนได เริ่มต้นเป็นร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมที่ให้บริการกับคนรักอาหารญี่ปุ่นคุณภาพดี บนถนนทองหล่อ ในปีที่ 6 นี้ เรายังตั้งใจเสิร์ฟความอร่อยคู่คุณภาพ และบรรยากาศของร้านที่คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ต่อเนื่อง โดยมีการย้านบ้านใหม่ของมูเกนได ฮอนเต็น มาอยู่ที่ทองหล่อ ซ.10 ที่เน้นการตกแต่งแบบโล่งโปรง ให้บรรยากาศนั่งสบาย พร้อมเป็นครัวเปิดเพื่อโชว์ให้ลูกค้าสามารถเห็นกรรมวิธีการทำได้อีกด้วย นอกจากนั้น การตกแต่งยังใช้ไม้ฮิโนกิ หรือไม้สนหอมของญี่ปุ่นที่หายากความยาวกว่า 8 เมตร ในการตกแต่ง โดยมู้ดแอนด์โทนต้องการให้รู้สึกอบอุ่น สบายตาด้วยโทนสีครีมของร้าน"
คุณก้อง – กมลสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนั้น เพื่อเป็นการฉลองการเปิดบ้านใหม่หลังนี้ด้วยการครีเอท 8 เมนูพิเศษ ที่เป็นการร่วมมือคิดค้นระหว่าง มูเกนได ฮอนเต็น และ เมซอง เดอ ลา ทรูฟ ร้านดังจากฝรั่งเศส โดยเป็นครั้งแรกของมูเกนได ในการผสมผสานความเป็นตะวันออกและตกวันตกไว้ด้วยกัน โดยนำเสนอ ทั้ง 8 เมนูได้แก่
1. Maguro Carpaccio with Truffle (เมกุโร คาพาซิโอ วิธ ทรัฟเฟิล)
เมนูแรก คัดสรรด้วยวัตถุดิบชั้นยอดส่งตรงจากฮอกไกโด กับปลาทูน่า สายพันธุ์บลูฟินจากธรรมชาติ นำไปหมักซอสพอนสุสูตรพิเศษแบบลับฉบับมูเกนได โดยเลือก 3 ส่วนทั้ง Otoro (โอโทโร่) ส่วนท้องบนของปลาบลูฟินที่มีส่วนไขมันเยอะ ทานแล้วรู้สึกเหมือนละลายในปาก, Chutoro (ชูโทโร่) ส่วนท้องกลางของปลาบลูฟิน และ Akami (เอกามิ) ส่วนท้องล่างที่ไม่มีไขมัน โดยเมื่อนำไปหมักแล้วจะให้รสชาติที่เมื่อทานเข้าปากแล้ว รู้สึกหวานหอมมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสมบูรณ์ของจานนี้ด้วย ด้วยกลิ่นหอมของน้ำมัน Truffle (ทรัฟเฟิล ออย) (ราคาSeason truffle 1,600 บาท / White truffle 2,200 บาท)
2. Organic Egg Yolk on Rice with Truffle (ออแกนิก เอก ยอร์ค อ็อน ไรซ์ วิธ ทรัฟเฟิล)
จุดเด่นของจานนี้อยู่ที่ข้าวญี่ปุ่นสไตล์แบบนิ่ม และไข่ออแกนิกนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยใช้เวลาการต้ม 5 นาที ในน้ำเดือด เพื่อให้ได้ไข่Egg yolk ที่จะได้ครีมไข่มันเข้มข้นของไข่แดง ผสมผสานด้วยโชยุและทรัฟเฟิล ออยส์ (น้ำมันทรัฟเฟิล) คุณภาพสูง ราดบนจานเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้จานนี้ ปิดท้ายด้วยการโรยทรัฟเฟิลป่น (Breaking truffle) เพื่อความหอมนวล (ราคา Season truffle 500 บาท / White truffle 800บาท)
3. Gyoza with Truffle (เกี๊ยวซ่า วิธ ทรัฟเฟิล)
แป้งเกี๊ยวซ่าสูตรพิเศษของทางร้าน สอดใส้ห่อไส้ด้านในด้วยเห็ดระดับคุณภาพ อาทิ เห็ดหอม เห็ดอีโนกิ (เห็ดเข็มทองญี่ปุ่น) และ ทรัฟเฟิลป่น (Breaking truffle) ทอดให้มีความกรอบนอกนุ่มในและจัดให้ไซส์พอดีคำ คลุกเคล้าด้วยน้ำมันทรัฟเฟิลออยหอมๆ ด้วยการผัด พร้อมเพิ่มมิติความหอมด้วยการโรยด้วยทรัฟเฟิลสด (ราคา Season truffle 650 บาท / White truffle 980 บาท)
4. Chopped Otoro with Truffle (ช็อบ โอโทโร่ วิธ ทรัฟเฟิล)
บรรจงตั้งแต่การคัดสรรปลาทูน่า สายพันธุ์บลูฟิน จากฮอกไกโด เพื่อเสิร์ฟในจานนี้โดยเฉพาะ โดยเลือกใช้ โอโทโร่สด ที่มีเนื้อส่วนท้องที่หวานละลายในปาก แร่โดยเชฟชื่อดังให้มีลักษณะเป็นลูกเต๋าพอดีคำ พร้อมคลุกเคล้ากับโชยุสูตรพิเศษ ที่ใช้วาซาบิผสานกับทรัฟเฟิลป่น (Breaking Truffle) และทรัฟเฟิลออย พร้อมโรยหน้าด้วยทรัฟเฟิลปิดท้าย ทำให้จานนี้มีรสชาติของโอโทโร่สไตล์ญี่ปุ่น ผสมกับกลิ่นหอมหวลตามแบบฉบับ ทรัฟเฟิลขนานแท้ (ราคา Season truffle 1,300 บาท / White truffle 1,800 บาท)
5. Wagyu Don Topped with Poached Egg with Truffle (วากิว ด้ง ท็อป วิธ พอร์ช เอ้ก วิธ ทรัฟเฟิล)
ข้าวหน้าเนื้อวากิวเกรด A5 ที่เป็นเนื้อที่มีคุณภาพสูงที่สุดในบรรดาเนื้อวากิวซึ่งมีความนุ่ม ละลายในปาก ถูกคัดเลือกให้มาอยู่ในจานพิเศษนี้ โดยเนื้อหมักด้วยซอสหวาน ย่างบนเตาถ่านไฟแรงทำให้เนื้อมีความเกรียม สีน้ำตาลสวย แต่ด้านในยังคงความ Rare และมีความฉ่ำ (Juicy) ของรสชาติเนื้อไว้อย่างครบถ้วน เสิร์ฟคู่กับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ โรยด้วยต้นหอมญี่ปุ่น เกลือ พริกไทย พร้อมไข่ออนเซ็น และมีน้ำซอสสูตรพิเศษที่ได้จากการย่างเนื้อ ราดปิดท้ายพร้อมกับทรัฟเฟิล ใส่เข้าไปในเมนูนี้ (ราคา Season truffle 1,700 บาท / White truffle 2,500 บาท)
6. Wagyu Steak Sushi with Truffle (วากิว สเต็ก ซูชิ วิธ ทรัฟเฟิล)
เนื้อวากิวสเต็ก ที่ทาบลงเตาถ่านร้อน โดยใช้ไฟอ่อนๆ ทำให้เนื้อวากิวได้ความสุกแบบพอดี โปะยาวชิ้นใหญ่คู่กับข้าวญี่ปุ่นที่นำมาปั้นแบบพอดีคำ พร้อมราดด้วยซอสหวานสูตรพิเศษ สูตรลับฉบับมูเกนได และเพิ่มความหอมด้วยทรัฟเฟิล (Breaking Truffle) (ราคาSeason truffle 1,300 บาท / White truffle 1,800 บาท)
7. Quattro Don with Truffle UnagiTennen, Uni, Scrambled egg on rice (ควอทโทร ด้ง วิธ ทรัฟเฟิล อูนางิ เท็นเน็น,อูนิ, สแครมเบิล เอ้ก อ็อน ไรซ์)
อีกหนึ่งจานไฮไลต์ที่นับเป็น 4 จักรพรรดิ แห่งการรับประทานที่มูเกนได ฮอนเต็น ได้แก่ การรวมของชั้นยอด 4 อย่าง อาทิ ปลาไหลธรรมชาติ, ไข่หอยเม่น, ไข่ออแกนิกญี่ปุ่น และทรัฟเฟิล ไว้ในจานเดียว โดยเป็นข้าวหน้าปลาไหลเกรดพรีเมี่ยม ที่ใช้ปลาไหลธรรมชาติ ย่างให้มีความกรอบนอก แต่เนื้อนุ่มใน และย่างแบบจานต่อจาน ผสมผสานกับความหวานจากไข่หอยเม่นจากฮอกไกโด ที่ทานแล้วละลายในปาก ผนวกกับรสชาติไข่ออกแกนิก ที่นำมาคนหอมๆ ผัดกับน้ำมันทรัฟเฟิล วางบนข้าวซูชิ พร้อมโรยหน้าด้วยทรัฟเฟิลสด (ราคา Season truffle 900 บาท / White truffle 1,400 บาท)
8. MaraniatedChutoro with Truffle (มาราเนียเท็ด ชูโทโร่ วิธ ทรัฟเฟิล)
เมนูจานนี้ ใช้เนื้อปลาทูน่า พันธุ์บลูฟิน ส่วนชูโทโร่ ที่หมักในน้ำซอสโชยุที่ร้านโอมาคาเสะทั่วโลกนิยมใช้ โดยจะต้องบ่มไว้ 1 คืน ก่อนจะนำมาผสมกับทรัฟเฟิลออย และทรัฟเฟิลเบรกกิ้ง โดยรสชาตินี้จะได้รับความหวานมันของทูน่า และกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลที่แทรกเข้าไปในเนื้อ พร้อมกลิ่นอันเย้ายวนจากทรัฟเฟิลสดที่โรยอยู่ด้านบนของจาน (ราคา Season truffle 1,500 บาท / White truffle 2,200 บาท)
ร่วมอิ่มเอมสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้แบบ "มูเกนได ฮอนเต็น" พร้อมรสชาติจาก 8 เมนูใหม่ ได้แล้ววันนี้ ที่ทองหล่อ ซ.10 เปิดให้บริการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 น. – 24.00 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.30 น. – 14.00 น. และ 17.00 น. เป็นต้นไป สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร. 02-726-9222