กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
ช. การช่าง (CK) เผยความสำเร็จมั่นใจปิดปี 2559 ได้อย่างแข็งแกร่ง หลังรายได้จากการก่อสร้างในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 48.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศด้วยข่าวดีคว้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 3 สัญญาเสริมมูลค่างานในมือแตะระดับแสนล้านบาท
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 3 มีความแข็งแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจ มั่นใจว่าจะมีรายได้จากการก่อสร้างทั้งปีประมาณ 42,000-45,000 ล้านบาทเกินเป้า คิดเป็นกำไรขั้นต้น 8-10% เนื่องจากในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ มีรายได้รวม 38,985 ล้านบาท รายได้จากการก่อสร้าง 38,197 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากงานเพิ่มของโครงการไซยะบุรีในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเพิ่มจากปี 2558 รวม 12,450 ล้านบาทคิดเป็น 48.33% มีอัตรากำไรขั้นต้น 7.12% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั้งในโครงการต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ เช่นการส่งมอบสถานีสนามไชยที่ตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย และความสำเร็จในการประมูลโครงการใหม่เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จำนวน 3 สัญญาจะเข้ามาช่วยเพิ่มเติมงานในมือ ทำให้บริษัทฯ มี Backlog สูงแตะระดับแสนล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี 2559 ช. การช่างยังมีการปรับโครงสร้างบริษัทในเครือ โดยควบรวมเป็นบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ทำให้มีการดำเนินการที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถขยายขอบเขตการลงทุนในโครงการต่างๆที่จะออกมาประมูลในอนาคตได้
คว้าสายสีส้ม 3 สัญญา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา กลุ่มกิจการร่วมค้า CKST ที่มี บมจ. ช.การช่าง และ บมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นพันธมิตรในสัดส่วน 60 : 40 ชนะการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี โดยเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดสำหรับผลการประกวดราคางานโยธาใน 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 งานอุโมงค์ใต้ดิน (ศูนย์วัฒนธรรม-รามคำแหง 12) ระยะทาง 6.29 กม. ราคากลาง 20,735 ล้านบาท กลุ่มกิจการร่วมค้า เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 20,698 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 37 ล้านบาทและ สัญญาที่ 2 งานอุโมงค์ใต้ดิน (รามคำแหง 12 - หัวหมาก) ระยะทาง 3.44 กม. ราคากลาง 21,604 ล้านบาท เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 21,572 ล้านบาทต่ำกว่าราคากลาง 32 ล้านบาท ในโครงการดังกล่าว ช.การช่างจะเป็นแกนหลักในการก่อสร้างเนื่องจากมีประสบการณ์งานก่อสร้างใต้ดิน และสัญญาที่ 5 งานอาคารจอดรถและศูนย์ซ่อมบำรุง ราคากลาง 4,915 ล้านบาท เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 4,901 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 14 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มเติมงานในมือกว่าอีก 28,000 ล้านบาท
ไตรมาส 3 แกร่ง
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับ ความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินงานได้ในระดับดี เนื่องจากโครงการต่างๆของบริษัทมีความคืบหน้าดี เช่นโครงการไซยะบุรี ณ ปัจจุบัน มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 70% โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (สนามไชย-ท่าพระ) งานโยธามีความคืบหน้า 100% โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงจิระ-ขอนแก่นมีความคืบหน้า 9%
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่ที่ได้ลงนามในปี 2559 รวมมูลค่า 24,323 ล้านบาท ประกอบด้วย
โครงการงานก่อสร้างเพิ่มเติมสำหรับโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ โดย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 19,400 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ - บ้านฉาง ช่วงพัทยา -มาบตาพุด ตอน 5 กับ กรมทางหลวง มูลค่า 727 ล้านบาท
โครงการสัญญาจ้างงานปรับปรุงยกระดับแรงดันไฟฟ้าและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบง 230/500 kV กับ บริษัทไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัดมูลค่า 2,200 ล้านบาท
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมาช่วง กม.27 - กม.37 กับ กรมทางหลวง มูลค่า 1,818 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการรอลงนามอีก 2 สัญญา ได้แก่โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มูลค่าประมาณ 25,000 ล้านบาท และ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมาสัญญา4 มูลค่า 1,982 ล้านบาท
บุกปี 60 ตั้งเป้าขั้นต่ำ 35,000 ล้านบาท
สำหรับในปี 2560 ช.การช่างวางเป้าหมายรายได้ก่อสร้างขั้นต่ำประมาณ 35,000 ล้านบาทโดยปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการในมือที่รอรับรู้รายได้รวม 71,287 ล้านบาท และพร้อมที่จะเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพราะมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการก่อสร้าง บริษัทฯ มั่นใจว่าภาครัฐจะผลักดันโครงการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องและทยอยเปิดประมูล เช่น โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่สอง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมมูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาท และ ช.การช่างตั้งเป้าว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25% ของงานทั้งหมดที่จะออกมา
"ช. การช่าง มีความพร้อมทั้งด้านกำลังคน เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมและการก่อสร้าง การบริหารจัดการ รวมถึงเตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อรองรับโอกาสในการลงทุนพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เราสามารถหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะมาเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันเพื่อได้ผลงานที่ดีที่สุด ตลอดจนมีแผนบริหารความเสี่ยงรองรับเป็นอย่างดี เช่นการลงทุนในภูมิภาคเพื่อกระจายความเสี่ยงเป็นต้น" นางสาวสุภามาส กล่าวสรุป