กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--กระทรวงพาณิชย์
นายเกริกไกร จีระแพทย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังร่วมหารือกับปลัดกระทรวงเศรษฐกิจ ๔ หน่วยงาน ประกอบด้วย นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง นายมนู เลียวไพโรจน์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และตน ว่า เป็นการร่วมหารือกันเป็นครั้งที่ ๒ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำแนวความคิดและความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาพัฒนาให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างมั่นคงและแข็งแรงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความคิดเห็นที่สอดคล้องกัน คือ จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ศูนย์กลางในการประชุม รวมทั้งจะทำอย่างไรที่จะผลักดันให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น และการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยการเร่งแก้ไขกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการผลิตสินค้าไทยเพื่อการส่งออกให้ได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งได้วางกรอบแนวทางดำเนินการไว้ ๔ โครงการและ ๒ มาตรการที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น นายเกริกไกร กล่าวอีกว่า ความร่วมมือของกระทรวงเศรษฐกิจครั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะ ๔ กระทรวงเท่านั้น แต่ละโครงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่างๆ ดังนั้น เพื่อให้รูปแบบความร่วมมือเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ทั้ง ๔ หน่วยงานเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมโดยได้มอบหมายให้อธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์มาเป็นผู้ประสานงานและนำกรอบแนวทางการหารือครั้งนี้ไปจัดทำแผนผังการดำเนินงานแต่ละโครงการให้เป็นรูปธรรมทางปฎิบัติและนำมารายงานให้ที่ประชุม ๔ ปลัดกระทรวงได้รับทราบอีกครั้งในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ศูนย์กลางธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ และศูนย์กลางทางด้านการจัดประชุมในประเทศไทยนั้น เห็นว่าประเทศไทยมีโอกาสมากที่สุด โดยเฉพาะศูนย์กลางทางด้านการจัดประชุม เพราะไม่ใช่มีเฉพาะแค่การประชุมระดับกรอบใหญ่ๆ เท่านั้น ยังมีการจัดประชุมตามพันธกรณีการค้าในเวทีต่างๆนั้นมากมาย หากประเทศไทยสามารถผลักดันโดยความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะดึงให้เข้ามาจัดประชุมในประเทศไทยได้จะเป็นประโยชน์ในการดึงเงินตราจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าด้วยความพร้อมของไทยที่มีอยู่หลายด้านจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนได้ในอนาคต--จบ--
-สส-