กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--Siam PR Consultant
หอการค้าอเมริกันในประเทศไทยได้ยื่นหนังสือแสดงท่าทีต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีสาระสำคัญโดยจะใช้ราคาขายปลีกแนะนำมาเป็นฐานคิดภาษีสรรพสามิตต่อไป หอการค้าอเมริกันฯ ชื่นชมความพยายามของรัฐบาลในการปฏิรูปกฎหมายภาษีสรรพสามิตเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความเท่าเทียมในการปฏิบัติต่อสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต อย่างไรก็ตามหอการค้าอเมริกันฯ ได้ชี้ให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับการคำนวณราคาขายปลีกแนะนำเพื่อใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีสรรพสามิต เนื่องจากการคำนวณดังกล่าวไม่ใช่มาตรฐานปฏิบัติทั่วไปและไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล"ข้อเสนอในเรื่องการเข้ามากำหนดวิธีการคิดคำนวณราคาขายปลีกแนะนำของผู้ประกอบการตามที่ได้กำหนดเพิ่มเติมในร่างกฎหมายนี้อาจจะก่อให้เกิดความไม่แน่นอนสำหรับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยังขัดต่อความพยายามของรัฐบาลที่จะสร้างความมั่นใจ ในระบบเศรษฐกิจไทย และระบบภาษี เพื่อดึงดูดให้มีการลงทุนมากขึ้น" นายแบรด มิดเดิลตัน ประธานหอการค้าฯ กล่าว
ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตทุกประเภทและส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนรวมถึงกลุ่มยานยนต์ ทั้งยังมีการเสนอให้เพิ่มอัตราเพดานภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์และสินค้าอื่นๆด้วย นายมิดเดิลตันกล่าวว่า "เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนอันดับต้นๆ ของบริษัทอเมริกัน อีกทั้งยังเป็นฮับการผลิตผู้ผลิตรถยนต์ในอาเซียนด้วย ดังนั้น การรักษาอัตราภาษีให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ หอการค้าอเมริกันฯ หวังว่าสนช. ผู้พิจารณาร่างกฎหมายนี้จะคงหลักการรายได้คงเดิม (Revenue neutrality) เอาไว้เพื่อไม่ให้มีการผลักภาระภาษีไปยังผู้บริโภค" นายมิดเดิลตันกล่าวสรุปว่า "ในหลักการแล้ว หอการค้าอเมริกันฯ สนับสนุนการปฏิรูปภาษีที่ส่งเสริมความโปร่งใส และสร้างความแน่นอนให้แก่ผู้เสียภาษี ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายภาษีสรรพสามิตในตัวของมันเองย่อมส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตและผู้นำเข้า ดังนั้น กฎหมายใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นควรจะต้องสร้างความมั่นคงให้กับระบบการจัดเก็บภาษีและสามารถคาดการณ์ได้ทางธุรกิจเพื่อหนุนให้เกิดการวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ"