กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมฯ จับมือ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สร้างโอกาสให้ธุรกิจไทย ผ่านเวทีสัมมนา "เปิดประตูเอเชียใต้...โอกาสการค้าของไทย"ส่งเสริมภาคธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง พร้อมสู้ศึกทำการค้าในตลาดโลก
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดงานสัมมนา เรื่อง "เปิดประตูเอเชียใต้...โอกาสการค้าของไทย (ตลาดอินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และบังกลาเทศ)" เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลลูม A ชั้น 2 โรงแรมเรเนซองซ์ กรุงเทพฯ ผนึกกำลังภาครัฐ – เอกชน ส่งเสริมภาคธุรกิจของไทยให้มีความเข้มแข็ง พร้อมผลักดันให้เป็นภาคธุรกิจชั้นแนวหน้าในการทำการค้าในตลาดโลก
นางสาวสิริพรรณ ลิขิตวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยมีการค้าและการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยภูมิภาคที่เราจะมองข้ามไม่ได้ คือ ภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งมีประชากรจำนวนมากถึง 1 ใน 4 ของโลก หรือกว่า 1,600 ล้านคน มีมูลค่า GDP รวม ในปี 2559 กว่า 2,700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่า GDP จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2560 ดังนั้น ภูมิภาคเอเชียใต้จึงนับว่าเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยจะต้องมุ่งเป้า และจับตาอย่างเป็นพิเศษ ทั้งในด้านการค้า และการลงทุน โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่ส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ รถยนต์และส่วนประกอบรถยนต์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เหล็ก เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากภูมิภาคเอเชียใต้ ประกอบไปด้วย เคมีภัณฑ์ เพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รวมถึงสัตว์น้ำสดแช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป เป็นต้น
"หลายประเทศ ในภูมิภาคเอเชียใต้เป็นประเทศที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของไทย ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา และปากีสถาน ซึ่งประเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนให้ไทยเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศอินเดีย ที่มองไทยเราเป็นประเทศศูนย์กลางของอาเซียน และในขณะเดียวกันประเทศไทยก็มองประเทศอินเดียเป็นประเทศศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียใต้เช่นกัน ดังนั้น จึงทำให้เกิดความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดโอกาสด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ
อินเดีย...
อินเดีย นอกจากไทยจะมีการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศสำคัญในภูมิภาคเอเชียใต้ ไม่ว่าจะเป็น ความตกลงการค้าเสรีไทยและอินเดีย ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – อินเดีย และความตกลงการค้าเสรีที่อยู่ระหว่างการเจรจา คือ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ปากีสถาน และความตกลงการค้าเสรี BIMSTEC (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) แล้วนั้น กระทรวงพาณิชย์ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของความตกลงการค้าเสรี ไทย – ศรีลังกา อีกด้วย การจัดสัมมนา "เปิดประตูเอเชียใต้ โอกาสการค้าของไทย" (ตลาดอินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และบังคลาเทศ) ในครั้งนี้ จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาทุกท่าน ได้มองเห็นโอกาสต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกัน จนนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองต่อเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืนและมั่งคั่งตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป" นางสาวสิริพรรณ กล่าว
ด้าน นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดสัมมนาเรื่อง "เปิดประตูเอเชียใต้...โอกาสการค้าของไทย (ตลาดอินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และบังกลาเทศ)" ครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาด แนวทางการขอรับสิทธิประโยชน์ทางการค้า และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจไทยได้เห็นถึงศักยภาพ ความท้าทายด้านการค้าและการลงทุนของประเทศสำคัญในภูมิภาคเอเชียใต้ อาทิ ประเทศอินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และบังกลาเทศ อีกทั้ง ทั้งยังเป็นเวทีที่ให้ภาคธุรกิจเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) ที่ประเทศไทยมีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ ความ ตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดีย ซึ่งมีการเร่งลดภาษีสินค้า (Early Harvest Scheme: EHS) ไปแล้วจำนวน 83 รายการ อาทิ อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น, ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ด้านการค้าสินค้าเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 ซึ่งสินค้าที่ไทยจะได้ประโยชน์จากความตกลง อาทิ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง และอาหารปรุงแต่ง เป็นต้น ส่วนความตกลงการค้าเสรีซึ่งยังอยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ อาทิ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ปากีสถาน และความตกลงการค้าเสรี BIMSTEC (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) โดยมีประเทศสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ภูฏาน พม่า เนปาล และประเทศไทย เป็นต้น