Bangkok--20 Dec--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งมั่นพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน และต่อยอดการเติบโตสู่ปี 2560 เพื่อสร้างรากฐานแข็งแกร่งทั้งตลาดทุน เศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ ตามทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจไทยของรัฐบาล หลังปี 2559 แสดงความแข็งแกร่งในทุกมิติ ดังนี้
· ด้านธุรกิจ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพโดดเด่นต่อเนื่องในระดับประเทศและภูมิภาค
o สภาพคล่องขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ที่ 53,208 ล้านบาท (ณ 15 ธ.ค.)
o การระดมทุนผ่าน IPO ปี 2559 เพิ่มมาร์เก็ตแคป 155,605 ล้านบาท
o ฐานผู้ลงทุนเติบโตต่อเนื่องทั้งผู้ลงทุนบุคคลและสถาบัน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 53:47 ผ่านการทำงานร่วมกับ บล. บลจ. และพันธมิตร ในการขยายฐานผู้ลงทุน ส่งเสริมช่องทางลงทุน online เข้าถึงผู้ลงทุนทุกกลุ่ม รวมทั้งกิจกรรมอบรมความรู้ต่าง ๆ
· ด้านคุณภาพ ส่งเสริมคุณภาพ บจ.ไทย โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง
o บจ. ไทยเข้าคำนวณในดัชนี DJSI 14 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน
o 30 บจ.ไทย ได้รับคัดเลือกใน FTSE4Good ASEAN 5 Index จากทั้งหมด 78 บริษัท สูงสุดในอาเซียน
o จำนวน "หุ้นยั่งยืน" ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) เพิ่มขึ้นเป็น 55 บริษัท จาก 51 บริษัทในปีแรก
o คะแนน ASEAN CG Scorecard เพิ่มต่อเนื่อง จาก 84 เป็น 87 คะแนน
o บรรษัทภิบาลของ บจ. ไทย มีคะแนน CGR เฉลี่ย 78%
o บจ.ไทยเข้าคำนวณในดัชนี MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็น 34 บริษัท
o คว้ารางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) ดีเด่นสุดในระดับภูมิภาคถึง 14 รางวัลจาก 24 รางวัล
· ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับประสิทธิภาพระบบงานได้รับการยอมรับในระดับสากล o ระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 ด้านระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับสารสนเทศ และมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ด้านการบริหารจัดการการบริการของเทคโนโลยีสารสนเทศo ระบบงานหลังการซื้อขาย ปรับปรุงงานบริหารความเสี่ยงสำหรับหลักทรัพย์ให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานสากล Principles for Financial Market Infrastructures (PFMI)
o พัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวมด้วยระบบ FundConnext โดยมีผู้ประกอบการในธุรกิจกองทุนรวม 50 แห่งตอบรับใช้ระบบ ในจำนวนนี้เป็น บลจ. 22 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของ บลจ. ทั้งหมด พร้อมให้บริการเดือนมีนาคม 2560
· บทบาทในระดับสากล สร้างความโดดเด่นในเวทีโลก จัดงานประชุมตลาดทุนภูมิภาค (Asian and Oceanian Stock Exchange Federation: AOSEF) งาน ANNA (Association of National Numbering Agencies) General Meeting 2016 และ IR Magazine Award รวมทั้งได้รับเลือกเป็นกรรมการสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange: WFE) ครั้งแรก เพื่อเป็นเวทีในการแสดงบทบาทตลาดทุนไทยในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สมาชิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า "ในปี 2559 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แม้จะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก แต่ด้วยพื้นฐานประเทศที่แข็งแกร่ง ภายใต้การขับเคลื่อนจากนโยบายรัฐ และศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการเติบโตที่ดีและโดดเด่นเมื่อเทียบกับภูมิภาค พร้อมเดินหน้าสู่ปี 2560 ด้วยวิสัยทัศน์ "To Make the Capital Market Work for Everyone" พัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั้งทางตรงและทางอ้อม"
ด้านธุรกิจ ตลาดทุนไทยแสดงศักยภาพแข็งแกร่งต่อเนื่องในระดับภูมิภาค โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,519.65 จุดสร้างผลตอบแทนเติบโตถึง 17.98% และสภาพคล่องสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ที่ 53,208 ล้านบาทต่อวัน (ณ 15 ธ.ค.) สำหรับ บริษัทจดทะเบียน เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (IPO) อยู่ที่ 155,605 ล้านบาท (ประมาณการจนถึงสิ้นปี 2559) และบริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่มขึ้นถึง 279,344 ล้านบาท ด้านสินค้าใหม่ ได้ขยายโอกาสสำหรับบริษัทขนาดเล็กโดยเปิดตัวดัชนี sSET Index ที่จะเริ่มเผยแพร่ดัชนีอย่างเป็นทางการ 4 มกราคม 2560 และเพิ่มสินค้ายางพาราล่วงหน้า รวมถึงพัฒนาสินค้าใหม่ TFEX Gold-D เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีสินค้าเพื่อการลงทุนและบริหารความเสี่ยงที่หลากหลาย ตอบรับความต้องการของทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการใหม่ (Startup) เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ Startup พบกับแหล่งทุน เดินหน้าต่อยอดพัฒนา platform เพื่อ Startup ในปีหน้า ในเชิงคุณภาพ ตลอดทั้งปีบริษัทจดทะเบียนไทยได้เข้าคำนวนใน global index เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย MSCI เพิ่ม 5 บริษัท รวมเป็นทั้งหมด 34 บริษัท และ 7 บริษัทจดทะเบียนไทย คว้า 14 รางวัลยอดเยี่ยมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ จากทั้งหมด 24 รางวัลในระดับภูมิภาคอาเซียน จาก IR Magazine Award
ด้านคุณภาพ ส่งเสริมคุณภาพบจ. ไทย โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง ด้าน ESG บริษัทจดทะเบียนไทยผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนได้รับคัดเลือกเป็นองค์ประกอบในดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) 14 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน และได้รับการคัดเลือกเข้า FTSE4Good ASEAN 5 Index จำนวน 30 บริษัท จาก 78 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกทั้งภูมิภาค โดยไทยได้เป็นจำนวนสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน นอกจากนี้ ในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน 55 บริษัทผ่านเกณฑ์อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือ "หุ้นยั่งยืน" ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สอง เพิ่มจากปีแรกจำนวน 51 บริษัท แสดงให้เห็นว่า บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจครอบคลุมทุกมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Environment, Social, Governance: ESG) สำหรับด้านบรรษัทภิบาล ในระดับภูมิภาคคะแนน ASEAN CG Scorecard เพิ่มต่อเนื่อง จาก 84 คะแนนในปี 2558 เป็น 87 คะแนนในปี 2559 และจากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2559 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2016) จัดทำโดยสถาบันกรรมการบริษัทไทย ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจดทะเบียน 601 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 78% และสูงกว่าปี 2558 ที่มีคะแนน 75%
ด้านผู้ลงทุน สร้างเสถียรภาพและสมดุลอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของผู้ลงทุนบุคคลและสถาบันอยู่ที่ 53% ต่อ 47% โดยมีผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (ม.ค.-15 ธ.ค.) มูลค่า 78,264 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ลงทุนรายย่อยใหม่ (ม.ค.-ต.ค.) เพิ่มขึ้น 79,723 ราย ขณะที่บัญชีซื้อขายอนุพันธ์ใหม่อยู่ที่ 10,785 ราย ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และพันธมิตร ในกิจกรรมให้ความรู้ผู้ลงทุนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมถึงทาง online และ social media ขณะเดียวกันยังจัดตั้งศูนย์กลางการให้ความรู้แก่ภาคธุรกิจขึ้นในปีแรก เพื่อขยายความรู้แก่ภาคธุรกิจ ในปีนี้เข้าถึงผู้ประกอบการ Startup และ SMEs อีกด้วย รวมถึงการส่งเสริมการขยายฐานการลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยให้ความรู้แก่สมาชิก PVD 187,190 คน และเน้นส่งเสริมให้บริษัทมี employee's choice เพิ่มขึ้น 741 บริษัท (ม.ค.-ต.ค.)
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาให้มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานสากล โดยพัฒนาระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ มาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ด้านระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับสารสนเทศ (Information Security Management Systems) และมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ด้านการบริหารจัดการการบริการของไอที (IT Service Management) นอกจากนี้ สำนักหักบัญชี (TCH) ได้ปรับปรุงงานบริหารความเสี่ยงสำหรับหลักทรัพย์ ให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานสากล Principles for Financial Market Infrastructures (PFMI) และพัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวมด้วยระบบ FundConnext ซึ่งมีผู้ประกอบการในธุรกิจกองทุนรวม 50 แห่งตอบรับใช้ระบบ ในจำนวนนี้เป็น บลจ. 22 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของ บลจ. ทั้งหมด พร้อมให้บริการเดือนมีนาคม 2560 รวมถึงการปรับกระบวนการภายในให้เป็นไปตามหลักการของ Green Policy อาทิ งานด้านจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารอาคาร
ด้านบทบาทในระดับสากล สร้างความโดดเด่นในเวทีโลก ในปี 2559 ตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงศักยภาพในระดับสากล เพื่อความน่าสนใจมากขึ้นในเวทีโลก โดยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมตลาดทุนภูมิภาค (Asian and Oceanian Stock Exchange Federation: AOSEF) และงาน ANNA (Association of National Numbering Agencies) General Meeting 2016 และงาน IR Magazine Award นอกจากนี้ ยังเตรียม จัดการประชุม WFE General Assembly and Annual Meeting 2017 ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2560 เพื่อหารือความร่วมมือและพัฒนาการที่สำคัญของตลาดทุนโลก
อีกบทบาทสำคัญในระดับโลกคือการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับเลือกเป็นกรรมการ สหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange: WFE) เป็นครั้งแรก โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียนและตลาดหลักทรัพย์สมาชิกทั่วโลกเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เรื่องการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเกิดใหม่ที่จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศ CLMV และพร้อมสนับสนุนบทบาทของ WFE ในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สมาชิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน