กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--บางกอกพีอาร์
จับกลุ่มเป้าหมายธุรกิจสตาร์ทอัพรายใหม่และบริษัทขนาดใหญ่ที่มีกลยุทธ์เน้นความสำคัญของนวัตกรรม
ออร่า กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาองค์กรและผู้จัดการกองทุนขนาดย่อม เดินหน้าสยายปีกรุกคืบธุรกิจในเอเชียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อย การจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทยครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของออร่า กรุ๊ป ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทคอร์ปอเรทไฟแนนซ์ระดับนานาชาติ ที่มีขอบเขตการดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค สำนักงานของออร่า กรุ๊ปในประเทศไทยตั้งอยู่ที่อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21 ถนนสุขุมวิท โดยจะให้การสนับสนุนในส่วนธุรกิจของออร่า กรุ๊ป ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บริษัทขยายตัวไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
นายชวิณ เจียรวนนท์ กรรมการบริหารของออร่ากรุ๊ป ได้กล่าวว่า "สตาร์ทอัพ อีโค ซิสเต็มส์ ในประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่ง ธุรกิจ เทคโนโลยี ตัวขับเคลื่อน และเวนเจอร์แคปปิตอล ซึ่งหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานการขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพคือ แหล่งสนับสนุนจากบริษัทขนาดใหญ่ที่ให้ความสำคัญในการผสานนวัตกรรมเข้าไปในกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อรับมือกับเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจแบบใหม่" นายชวิณกล่าวเพิ่มเติมว่า "ในฐานะที่เป็นทั้งผู้ลงทุนและที่ปรึกษาแก่องค์กร เรามีความกระตือรือร้นที่จะได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทสตาร์ทอัพและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านที่เรามีความเชี่ยวชาญ"
การลงทุนของออร่ากรุ๊ป ได้เข้ามาในภูมิภาคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้จากการเข้าไปลงทุนในกิจการเอ็มซี เพย์เมนต์ (MC Payment) บริษัทผู้ให้บริการระบบชำระเงินในภาคพื้นเอเชีย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยลงทุนผ่าน ออร่า เวนเจอร์ ฟันด์ ไอแอลพี (Aura Venture Fund ILP) ซึ่งเป็นกองทุนเวนเจอร์ แคปปิตอลในประเทศออสเตรเลีย
มร. ชาร์ลส์ หว่อง หัวหน้าภูมิภาคเอเชียของออร่า กรุ๊ป กล่าวว่า "การจัดสรรทรัพยากรไปลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปีที่ผ่านมายังคงให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายต่อไปของเราคือการยกระดับ และขยายฐานพอร์ตการลงทุนของทางกลุ่มผ่านการสนับสนุนจาก บริษัท ทูดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทผู้ร่วมลงทุนของออร่า กรุ๊ป และตอนนี้เรากำลังมองหาผู้บริหารระดับสูงในเมืองไทยเพื่อเข้ามาเสริมทีมของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น"
ผลจากการเปิดสำนักงานใหม่ขึ้นในกรุงเทพฯ ทำให้ออร่า กรุ๊ปมีฐานธุรกิจครอบคลุมพื้นที่ 4 แห่งในสามประเทศ คือ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และไทย ปัจจุบันออร่า กรุ๊ป มีพนักงานมากกว่า 40 คน โดยมีการบริหารจัดการและให้คำปรึกษากองทุนที่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 5 พันล้านบาท ผ่านเครือข่ายพอร์ตร่วมลงทุน และบริษัทต่างๆ กว่า 30 แห่ง
อีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์การเติบโตในภูมิภาค คือ เมื่อเร็วๆ นี้ทางกลุ่มได้ประกาศเปิดตัว ทีเอ็นบี ออร่า ฟันด์ 1 ซึ่งเป็นกองทุนมูลค่า 1,250 ล้านบาทภายใต้การสนับสนุนหลักของสปริง สิงคโปร์ (SPRING Singapore) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของรัฐบาลสิงคโปร์ กองทุนนี้จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อยู่ในช่วงการระดมทุนในระยะแรกเริ่มและรอบซีรีส์เอ/บี โดยจะให้ความสำคัญในกิจการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ได้แก่ ออกเมนเต็ด เรียลลิตี้/เวอร์ชวล เรียลลิตี้ (AR/VR) อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) โรบอทติกส์ (Robotics) บิ๊กดาต้า(Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)
ผลงานการลงทุนที่โดดเด่นของ ออร่า กรุ๊ป ได้แก่ การลงทุนในฟรีดอม อินชัวรันซ์ (Freedom Insurance) และแคทตาพัลท์ สปอร์ตส์ (Catapult Sports)
ในกรณีของฟรีดอม อินชัวรันซ์ ออร่ามีบทบาทที่หลากหลาย อาทิเช่น เมื่อปี 2553 เป็นผู้ลงทุนในช่วงธุรกิจระยะแรกเริ่ม เป็นที่ปรึกษาในการลงทุนบริษัทย่อย โดยมีสัดส่วนการลงทุน 19.9% ในบริษัท โนเบิล โอ้ค ไลฟ์ (Noble Oak Life) เป็นที่ปรึกษาในการเข้าซื้อกิจการสเปคตรัม เวลธ์ (Spectrum Wealth) และเป็นที่ปรึกษาองค์กรให้กับฟรีดอม อินชัวรันซ์ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นออสเตรเลีย (ASX) ตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว ออร่ายังได้ให้การสนับสนุนในฐานะผู้จัดการเงินกู้ รวมทั้งสนับสนุนการออกพันธบัตรแปลงสภาพรวมสองครั้งในปี 2557 และ 2559
ในขณะเดียวกัน ออร่าได้ร่วมลงทุนในธุรกิจระยะแรกเริ่มในแคทตาพัลท์ สปอร์ตส์ ผู้นำในการลงทุนรอบซีรีส์ เอ ในปี 2556 พร้อมทั้งยังให้คำปรึกษาในการเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตระบบติดตามตัวนักกีฬาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของวงการ คือบริษัท จีพีสปอร์ตส์ (GPSports) รวมถึงเป็นที่ปรึกษาองค์กรในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (ASX) และเมื่อเร็วๆ นี้ทางกลุ่มร่วมมือกับโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs)ในการระดมทุน 100 ล้านเหรียญออสเตรเลียเพื่อเข้าซื้อกิจการเอ็กซ์โอเอส ดิจิตอล (XOS) ในสหรัฐอเมริกาและกิจการเพลเยอร์เทค (PlayerTek) ในไอร์แลนด์