กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุขแนะประชาชนเพิ่มความระมัดระวังการใช้เตาไมโครเวฟปรุงอาหารเนื่องจากผลการตรวจสอบพบรังสีรั่วออกจากเตาทุกด้านขณะใช้งาน การรั่วจะพบมาก ที่ประตูปิด-เปิดด้านหน้า หากรับรังสีนาน ๆ อาจเป็นอันตรายต่อตาถึงขั้นบอดได้ แนะเด็กเล็กไม่ควรอยู่ใกล้ ขณะเตาไมโครเวฟทำงาน
นางนิตยา มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับผลกระทบของเตาไมโครเวฟว่า ปัจจุบันการปรุงอาหารหรืออุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟกำลังได้รับความนิยมจากแม่บ้านมากขึ้น เนื่องจากสะดวกรวดเร็ว ราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงโดยเฉพาะความปลอดภัย ต่อสุขภาพของผู้ใช้เตาเหล่านี้ เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่อาศัยหลักการแปลงคลื่นไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำให้เป็นคลื่นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความสูงถึง 2,450 เมกะเฮิรตซ์ ทำให้เกิดความร้อน จุดที่กระทรวงเป็นห่วงมากที่สุดก็คือผู้ใช้ไม่สามารถมองเห็นรังสี และรังสีชนิดนี้ก็ไม่มีกลิ่นให้รับรู้ได้ ดังนั้น ผู้ใช้จึงไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงสัญญาณอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อวัยวะที่จะได้รับผลกระทบจากการใช้เตาไมโครเวฟที่น่าห่วงก็คือนัยน์ตา อาจเป็นต้อกระจกถึงขั้นตาบอดได้ หากสัมผัสกับรังสีมาก ๆ และเป็นเวลานาน ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีรายงาน การเจ็บป่วยจากเหตุนี้ก็ตาม แต่ในต่างประเทศเคยมีกรณีแม่บ้านฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณแขน
โฆษกกระทรวง กล่าวว่า ปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสนใจและติดตามก็คือ การรั่วไหลของรังสีออกนอกเตา ซึ่งในประเทศไทยเองยังไม่มีมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยการรั่วของรังสีไมโครเวฟ ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ได้กำหนดให้ค่ามาตรฐาน รังสีรั่วออกมาได้ที่ระยะ 5 เซนติเมตรจากผิวเตา สำหรับเตาใหม่จะต้องไม่เกิน 1 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ส่วนเตาที่ใช้งานมาแล้วจะต้องไม่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร
“สำหรับในส่วนของเตาไมโครเวฟที่มีใช้ในประเทศไทย จากการติดตามวัดปริมาณรังสีรั่ว ออกนอกเตาจำนวน 100 เครื่อง จาก 25 ผลิตภัณฑ์ โดยนายสุรศักดิ์ ปริสัญญกุล นักวิทยาศาสตร์และทีม เจ้าหน้าที่ของกองรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าเตาไมโครเวฟที่มีการใช้งานประจำ จะมีคลื่นรังสีไมโครเวฟรั่วออกมาได้ทุกด้านของเตา โดยด้านหน้าซึ่งเป็นส่วนของประตูปิดเปิดใส่อาหารจะมีการรั่วมากที่สุด แต่ปริมาณการรั่วของรังสียังต่ำกว่ามาตรฐานคือยังไม่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งยังจัดว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย” นางนิตยา กล่าว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการรั่วของรังสียังขึ้นกับอายุการใช้งานและการดูแลรักษา เตาไมโครเวฟ โดยพบว่าเตาที่ไม่มีการดูแลรักษาที่ดี หรือในตู้เป็นสนิม ฝาเตาปิดไม่สนิท จะมีการรั่วของรังสีมาก แม้ในแง่การแพทย์ปริมาณรังสีจะน้อยแต่ผู้ใช้เตาก็ต้องระมัดระวัง เพราะคลื่นไมโครเวฟทำให้อาหารสุกได้ฉันใด ถ้ามีการรั่วมากหรืออยู่ใกล้มาก ก็อาจทำให้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายสุกได้ จึงไม่ควรอยู่ใกล้เตาขณะเตากำลังทำงาน โดยเฉพาะเด็กเล็ก การอยู่ห่างเตามากเท่าใดความปลอดภัยก็จะมีมากขึ้น โดยหากยืนห่างจากเตาในระยะ 50 เซนติเมตร ปริมาณรังสีรั่วจะต่ำกว่าที่ระยะ 5 เซนติเมตร ถึง 100 เท่าตัว
หากประชาชนที่ใช้เตาไมโครเวฟอยากทราบว่าเตาที่ใช้งานนั้นมีการรั่วของรังสีไมโครเวฟอยู่ในค่ามาตรฐานหรือไม่ สามารถติดต่อขอรับบริการ ได้ที่กองรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ 951-1027 หรือ 591-0203-14 ต่อ 9649--จบ--
-นศ-