กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
1.เสียง
นาตาลี พอร์ตแมนต้องดูเทปที่แจ๊คกี้พาทัวร์ทำเนียบขาวในปี 1962 มาหลายสิบรอบ และคลิปสัมภาษณ์กับนักประวัติศาสตร์ อาร์เธอร์ ชเลซิงเกอร์ ในปี 1964 พอร์ตแมนต้องดูเพื่อเลียนแบบวิธีการพูดและบุคลิกของแจ๊คกี้ "ฉันอ่านทุกอย่างที่ฉันพอจะหาได้ ฉันฝึกหนักกับ ทันย่า บลัมสตีน ครูฝึกสำเนียงการพูด เราดูและฟังคลิปทัวร์ทำเนียบขาวหลายรอบมากๆ และฟังวิธีการพูดจากคลิปเสียงต่างๆ ของเธอ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อหาจุดเด่นในการพูดของเธอ ฉันต้องพูดให้ได้เหมือนกับวิธีที่เธอพูดให้มากที่สุด ทั้งจังหวะหยุด จังหวะหายใจ การลังเล การเว้นคำระหว่างประโยค ทุกอย่าง"
2.คิ้ว
ช่างผู้ดูแลการแต่งหน้า คิมมิวู บอกว่า เธอโฟกัสไปที่คิ้วของแจ๊คกี้ก่อนเป็นอันดับแรก"คิ้วของแจ๊คกี้โค้งสวยได้รูป" คิมบอก "สิ่งที่ทำให้ใบหน้าของแจ๊คกี้เป็นที่จดจำ เป็นเอกลักษณ์ ก็คือคิ้วที่เข้มของเธอ สำหรับนาตาลี ฉันต้องหาวิธีทำให้คิ้วของนาตาลีหนาขึ้นกว่าเดิม ให้กว้างขึ้นและมีรูปโค้งเหลี่ยมที่ชัดกว่าเดิม"ส่วนการแต่งส่วนอื่นๆ ของใบหน้านาตาลีนั้น คิมบอกว่า เธอจะเลือกแต่งหน้าโทนที่ทำให้ใบหน้าของนาตาลีดูสง่า "ผิวของเธอเป็นผิวที่สวยเนียนตามธรรมชาติ และเธอชอบทาลิปสติกสีชมพู สีนั้นจะเปลี่ยนไปตามชุดที่เธอเลือกใส่"
3.ผม
นาตาลี พอร์ตแมนยอมรับว่า การทำผมทรงบูฟอนต์แบบแจ๊คกี้นั้น ช่วยให้เธอเข้าถึงบทบาทและดูเป็นแจ๊คกี้ได้ดีมากๆ - พอๆ กับเสื้อผ้าและการแต่งหน้า "ฉันมองดูในกระจก เห็นตัวเองทำผมทรงบูฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ และแต่งตา ใส่ผมปลอมนิดหน่อย แล้วก็ใส่ชุดแบบแจ๊คกี้ ฉันดูไม่เหมือนตัวเองเลย" พอร์ตแมนเล่าผมทรงบูฟอนต์ของแจ๊คกี้ เคนเนดี้นั้น ออกแบบโดยช่างทำผมชื่อดัง เคนเนธ บาเทลล์ ซึ่งทำผมให้ดาราดังๆ หลายคนรวมถึงมาริลีน มอนโร
4.เสื้อผ้า
นาตาลี พอร์ตแมน คิดว่าภาพที่แจ๊คกี้สวมหมวกทรงพิลล์บ็อกซ์นั้น ถือเป็นจุดที่เร้าอารมณ์ที่สุดในหนัง"หนังเรื่องนี้เล่าเหตุการณ์ในช่วงการลอบสังหาร ดังนั้นตัวหนังเองก็เต็มไปด้วยอารมณ์โดยตัวมันเอง" พอร์ตแมนกล่าว "ชุดสูทสีชมพูที่เปรอะไปด้วยเลือดและสมองของเจเอฟเค ซึ่งแจ๊คกี้ไม่ยอมถอดออกหลังจากเกิดเหตุการณ์ เพราะเธอรู้ดีว่า เธอจะต้องใส่เพื่อแสดงออกทางสัญลักษณ์ให้ประชาชนได้เห็น ว่าเธอคือหลักฐานสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าการดันทุรังใส่ชุดนั้น มันดูออกจะแปลกและชวนประหวั่นพรั่นพรึงอยู่สักหน่อย แต่มันแสดงนัยยะให้เห็นว่า ณ เวลานั้น แจ๊คกี้แคร์สิ่งที่คนทั้งประเทศคิดและในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องรับมือกับความรู้สึกส่วนตัวที่เพิ่งเสียสามีไปด้วย"
5.อารมณ์
"ฉากการสังหารเจเอฟเค เป็นฉากที่ยากที่สุด" นาตาลี พอร์ตแมนพูดถึงการต้องแสดงอารมณ์คลุ้มคลั่งหลังจากการตายของผู้เป็นสามี "ฉันคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจะเคยมีใครได้สัมผัสเลย นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น และเธอต้องรู้สึกหวาดกลัวขนาดนั้นในวินาทีนั้น"
พอร์ตแมนยอมรับตรงๆ ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวของเธอมากๆ ในการที่ต้องเล่นฉากนี้ซ้ำๆ และก่อนหน้าจะเล่นก็ต้องดูคลิปการลอบสังหารซ้ำๆ "ฉันกลัวมากเลยค่ะ แล้วมันก็ยิ่งแย่พอเราต้องทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวละครไปด้วยว่าเธอเจออะไรอยู่ นั่นเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของพวกเขา ส่วนคุณในฐานะนักแสดง คุณต้องเริ่มเล่นเหมือนกับว่าไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้นเลย มันทั้งยากและน่ากลัว"
JACKIE หม้ายหมายเลข 1
19 มกราคม 2017