กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล
ฟอนดาเคยประกาศว่า เธอเป็นแฟนของภาพยนตร์ทุกแนว ดังนั้น เธอจึงได้ร่วมแสดงมาแล้วหลายบทบาท ในภาพยนตร์หลากหลายแนวด้วยกัน
ฟอนดาเปิดตัวครั้งแรกในโลกการแสดง ด้วยภาพยนตร์เรื่อง Segment of Aria ภาพยนตร์ปี 1988 ของแฟรงก์ ร็อดแดม ซึ่งเป็นงานกำกับสั้นๆ โดยผู้กำกับถึง 10 คน จากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ร่วมแสดงใน Shag ภาพยนตร์ตลก ร่วมกับฟีบี เคทส์ และในปี 1989 เธอได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Scandal เรื่องราวความสัมพันธ์สวาทลับของโพรฟูโม ที่เขย่าพรรคการเมืองที่กำลังเป็นใหญ่ในสหราชอาณาจักรในทศวรรษที่ 60
ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของฟอนดา มีอาทิ City Hall, The Road to Welville, Strapless, The Godfather Part III, Doc Hollywood, Single White Female และ Singles นอกจากนี้ เธอยังร่วมแสดงใน Touch, It Could Happen to You, Little Buddha, Point of No Return และ Bodies รวมถึง Rest and Motion ด้วย
ด้านผลงานจอแก้ว ฟอนดาร่วมแสดงในภาพยนตร์ชั้นยอดของ PBS เรื่อง Jacob Have I Loved รวมถึงตอนหนึ่งของซีรีส์ของ HBO เรื่อง The Edge นอกเหนือไปจากซีรีส์ที่ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี (Emmy Awards) จากบทบาทในภาพยนตร์ของ HBO เรื่อง Gloaming โดยฝีมือกำกับของ คริสโตเฟอร์ รีฟส์ อีกด้วย
เชกี คาร์โย - Tcheky Karyo (ริชาร์ด) ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของลุค เบซง เรื่อง The Messenger และ La Femme Nikita ด้านผลงานภาพยนตร์ภาษาอังกฤษของเขา มีอาทิ The Patriot, Wing Commander, My Life So Far, Addicted to Love, Saving Grace, Goldeneye และ Bad Boys เป็นต้น คาร์โยกำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่รอคิวออกฉาย คือ Double Down ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวตลกอาชญากรรม โดยมีนิค โนลตี และอีเมียร์ คุสตูริกา ร่วมแสดง
นอกจากนี้ เขายังร่วมแสดงใน Dobermann, King Is Dancing, Crying Freeman, Conquest of Paradise, La Balance, Nostradamus, The Return of Martin Guerre และ Les Nuits de la Pleine Lune ด้วย
ส่วนผลงานโทรทัศน์ของคาร์โย ก็มีตอนหนึ่งของมินิซีรีส์ของ HBO เรื่อง From the Earth to the Moon โดยฝีมือกำกับของทอม แฮงก์ส และ The Band Played On ของ HBO เช่นกัน คาร์โยเกิดในตุรกี และปัจจุบันนี้อาศัยอยู่ในปารีส
ข้อมูลทีมสร้าง
คริส นาห์อง - Chris Nahon (ผู้กำกับ) เกิดที่ Soisy sous Montmorency ในวาล ดวส เมื่ออายุ 15 ปี เขาย้ายมาเรียนโรงเรียนศิลปะในปารีส อายุได้ 19 ปี เขาก็รับหน้าที่เป็นช่างภาพอิสระ และเริ่มงานกำกับครั้งแรก ด้วยภาพยนตร์สั้น ที่ถ่ายด้วยฟิลม์ 36มม. อีก 2 ปีต่อมา เขาก็สร้างภาพยนตร์สั้นเรื่องที่สองของเขา
อายุ 25 ปี นาห์องเริ่มสร้างบริษัทโปรดักชันเป็นของตนเอง ชื่อ V.A.M.O.S. รับสร้างและกำกับภาพยนตร์โฆษณา วิดีโอ และภาพยนตร์สั้น ต่อมา V.A.M.O.S. ก็ขยายไปสู่งานโพสต์โปรดักชัน และตัวนาห์องเองก็เริ่มจับงานกำกับภาพยนตร์โฆษณาให้กับบริษัทโปรดักชันที่อื่นด้วย
นาห์องเริ่มเขียนบทภาพยนตร์ เมื่ออายุได้ 30 ปี และจังหวะนั้น เขาก็ชะลองานที่บริษัทไว้ก่อน หลังจากได้กำกับภาพยนตร์สั้นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เขาก็ตัดสินใจทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเสียที และเพียงไม่นานต่อมา เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลุค เบซง เพื่อเสนองานกำกับ KISS OF THE DRAGON เรื่องนี้
ลุค เบซง - Luc Besson (ผู้อำนวยการสร้าง, ร่วมเขียนบท) เกิดในปารีส เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ปี 1959 เขาใช้ชีวิตวัยเด็กโดยส่วนใหญ่ ท่องไปตามที่หลบภัยที่สมมติขึ้นแถวชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ทั้งพ่อและแม่เป็นครูสอนดำน้ำอยู่ที่นั่น
ทั้งสภาพแวดล้อม และอิทธิพลจากพ่อและแม่ ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้เขาแน่ใจว่าจะยึดมั่นเกี่ยวกับอาชีพที่เกี่ยวพันกับทะเลได้ไม่น้อย ตั้งแต่อายุได้ 10 ปี หลังจากเขาได้ผูกมิตรกับปลาโลมาใจดีแล้ว เบซงก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเป็นนักชีววิทยาทางทะเล โดยศึกษาเฉพาะด้านสายพันธุ์สัตว์
เบซงมุ่งมั่นศึกษาด้านการวางแผนชีวิตนี้ จวบจนเขาอายุได้ 17 ปี จากนั้นอุบัติเหตุจากการดำน้ำ ก็ทำให้เขาไม่สามารถดำน้ำได้อีกต่อไป ความฝันอันยาวนานของเขาได้สะดุดลง เบซงจึงได้กำหนดมุมมองของตัวเองใหม่ และตัดสินใจว่าเขาจะเป็นคนทำหนัง
เบซงหยุดเรียนกลางคัน เพื่อออกหางานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฝรั่งเศส และเริ่มต้นสร้างหนังทดลองของตัวเองด้วยฟิล์มซุปเปอร์-8 จนอายุได้ 19 ปี เขาก็ย้ายไปยังลอส แองเจลิส และทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกันถึง 3 เดือนด้วยกัน
ปี 1983 เบซงได้ประสบการณ์จากการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับมาถึง 3 ปีแล้ว เขาจึงเริ่มทำหนังเรื่องแรกของตนเอง เรื่อง Le Dernier Combat ซึ่งได้รับเลือกให้เข้าชิงในเทศกาลภาพยนตร์ Avoriaz Science Fiction Film Festival และได้รับสองรางวัลใหญ่จากเทศกาลนั้น ร่วมกับทีมงานอีก 2 คนคือ อลัน เจ พากูลา และฌอง ฌาคส์ อันโนด์ ด้วย นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Cesar Awards และได้รับรางวัลทั้งหมดอีก 12 รางวัลทั่วโลก
Subway เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของเบซง นำแสดงโดยเจ้าของรางวัลซีซาร์ คริสโตเฟอร์ แลมเบิร์ต (ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 รางวัลที่ได้รับการเสนอชื่อในหนัง) โดยแลมเบิร์ตรับบทเป็นหัวขโมยที่กำลังหนีการตามล่า จนเข้าไปพัวพันกับชนกลุ่มน้อยชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ใต้ดินในเมือง ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างชื่อให้เบซงเป็นที่รู้จักในนานาประเทศ และนับเป็นภาพยนตร์คลาสสิคเรื่องหนึ่งมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย
The Big Blue ภาพยนตร์ปี 1988 ของเบซง ซึ่งนำเสนอความฝันวัยเด็กริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของตัวเขาเอง นำแสดงโดยฌอง เรโน ผู้รับบทเป็นนักดำน้ำชาวอิตาเลียน ที่รักทะเลเป็นชีวิตจิตใจ และเป็นภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของเบซง และมีนักแสดงต่างชาติร่วมแสดง แต่เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในอเมริกา ก็มีการดัดแปลงหลายอย่างในหนังโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงตอนจบ และเปลี่ยนแปลงสกอร์ของอีริค แซร์ราด้วย ส่วนเวอร์ชันดั้งเดิมของเบซงเองนั้น ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลซีซาร์ถึง 7 รางวัลด้วยกัน และประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก รวมถึงเป็นติดอันดับหนึ่งในห้าภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสเองด้วย และเมื่อปีที่แล้ว The Big Blue เวอร์ชันการตัดต่อของผู้กำกับได้ออกขายในรูปแบบดีวีดีแล้ว
La Femme Nikita ของเบซง เป็นภาพยนตร์สูตรสำเร็จเรื่องแรกของผู้กำกับคนนี้ เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการนำมาสร้างใหม่ ทั้งในอเมริกาและในฮ่องกง เรื่องราวของหญิงสาวติดยาป่าเถื่อนคนหนึ่ง ที่ถูกบีบให้เข้าร่วมฝึกหัดเป็นนักฆ่าหญิงของรัฐบาล ซึ่งส่งให้นักแสดงนำทั้งสองมีชื่อเสียงโด่งดังยังต่างประเทศด้วย นั่นคือ อานน์ ปาร์ริโลด์ และฌอง เรโน นอกจากนี้ยังเป็นการริเริ่มรูปแบบใหม่ของภาพยนตร์ทริลเลอร์ นั่นคือ ฟิล์มนัวร์แบบใหม่ด้วย ซึ่งอิทธิพลจากหนังเรื่องนี้ยังแพร่หลายไปยังภาพยนตร์ต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย (ยังมีต่อ)
-อน-