กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--เซ็นทรัลพัฒนา
ภาพความสำเร็จและการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็นผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล รวม 30 แห่งทั่วประเทศ มาเป็นระยะเวลาเกือบ 37 ปีแล้ว ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกของไทยอย่างแท้จริง และนับว่าเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างซีพีเอ็นกับพันธมิตรคู่ค้าที่มีส่วนทำให้ธุรกิจได้เติบโตก้าวหน้าไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักความยั่งยืน 3 ด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยล่าสุดซีพีเอ็นได้จัดงานประชุมคู่ค้ากลุ่มผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์เพื่อร่วมกันแบ่งปันข้อมูล และสนับสนุนให้มีการดำเนินงานที่โปร่งใสระหว่างกัน สู่การเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งความสำเร็จร่วมกันในวันนี้ ยังได้ต่อยอดไปสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจของชาติ และสร้างความเจริญให้สังคมและชุมชนต่อเนื่องกันไปอย่างมากมาย
ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของซีพีเอ็น กล่าวถึงเคล็ดลับแห่งความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจร่วมกัน ในการประชุมครั้งนี้ว่า "ในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้า ซีพีเอ็นไม่ได้มุ่งทำกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังใส่ใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่บุคลากรขององค์กรคู่ค้า ลูกค้า ร้านค้า ไปจนถึงชุมชนรอบด้านและที่สำคัญคือความยั่งยืน(Sustainability) ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาใน 3 ด้าน คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับธุรกิจด้วยจึงจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว"
ซีพีเอ็นมีความชัดเจนในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยจัดงบประมาณอย่างน้อยปีละ100 ล้านบาท เพื่อสรรหานวัตกรรมที่เหมาะสมมาช่วยสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ จนได้รับรางวัลด้านอนุรักษ์พลังงานจากหน่วยงานต่างๆ มากกว่า 30 รางวัล พร้อมขอความร่วมมือจากร้านค้าในการช่วยกันใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่า และเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้อุปกรณ์ทำความเย็นที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ใช้แสงธรรมชาติเพิ่มบรรยากาศภายในศูนย์การค้า มีระบบการใช้น้ำอย่างประหยัด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ เกิดจากแนวคิดนวัตกรรมที่จะทำศูนย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำหลักเกณฑ์สากล คือ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design)มาเป็นแนวทางในการก่อสร้าง พยายามสร้างสมดุลระหว่างพื้นที่ภายในอาคารส่วนที่มีเครื่องปรับอากาศกับส่วนนอกอาคารมีการปลูกต้นไม้พุ่มในศูนย์และโดยรอบกว่า 170,000 พุ่มซึ่งสร้างความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายให้กับผู้ที่อยู่ในศูนย์การค้า
นอกจากนี้ ซีพีเอ็น ยังได้ขึ้นทะเบียน "คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร" กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ตั้งเป้าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจัง ทั้งหมด 8 ศูนย์การค้า รวมพื้นทีกว่า 1,455,500 ตรม. (GFA)
ทางด้านสังคมซีพีเอ็น มีความใส่ใจตั้งแต่ก่อนเริ่มพัฒนาโครงการศูนย์การค้าของซีพีเอ็นในแต่ละแห่ง ด้วยการเลือกเลือกทำเลที่ดีที่สุดในย่านนั้น เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับลูกค้า รวมถึงนักท่องเที่ยว และผู้ที่จะมาติดต่อค้าขายที่ศูนย์การค้าแห่งนี้ ทั้งยังมีการลงทุนในเรื่องของการออกแบบที่สวยงาม โดยนำเสนอเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของท้องถิ่นนั้นๆ มาประกอบเสมอ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้น และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีการสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ มีสินค้าและบริการที่ครบครัน สร้างความสุขในการใช้ชีวิตให้กับคนในท้องถิ่น เป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมต่างๆ ของคนในชุมชนและท้องถิ่น และยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ ก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนต่างๆทั่วประเทศ สร้างประโยชน์และสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจระดับประเทศตามมา
คุณปรีชายังกล่าวเสริมอีกว่า "ปรัชญาในการดำเนินงานของซีพีเอ็น คือ 'การพัฒนาไปด้วยกัน' ดังนั้น ซีพีเอ็น จึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมความเจริญในทุกพื้นที่ที่เราเข้าไปทำธุรกิจและเรามุ่งมั่นทำอย่างจริงจังและต่อเนื่องตัวอย่างโครงการที่เห็นเป็นรูปธรรม ได้แก่ความร่วมมือในโครงการสานพลังประชารัฐในการสนับสนุนSMEsไทย และผู้ประกอบการในท้องถิ่นต่างๆส่งเสริมสินค้าชุมชนที่โดดเด่นโดยเรามีการสนับสนุนในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการSMEs ได้นำสินค้าท้องถิ่นที่ดีและโดดเด่นมาจำหน่าย โดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่ การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ(Business Matching)เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าสู่ช่องทาง Modern Trade และได้ขยายธุรกิจไปยังช่องทางการจำหน่ายต่างๆของซีพีเอ็น และกลุ่มเซ็นทรัลรวมไปถึงการจัดสัมมนาหรือกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความสามารถ เพิ่มโอกาส และความเข้มแข็งทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย"
ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในทุกมิติ ซีพีเอ็น จึงให้ความสำคัญเรื่องการกำกับกิจการที่ดีมีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นระบบ ป้องกันการทุจริต มีความโปร่งใส และเป็นธรรมต่อคู่ค้าทุกรายอย่างเท่าเทียม ซึ่งส่งผลทำให้ ซีพีเอ็น ได้รับความน่าเชื่อถือ มีผลประกอบการที่ดี เติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับรางวัลคุณภาพมากมาย โดยซีพีเอ็น เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกและรายเดียวของไทย ที่ได้รับคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับโลกอย่างดาวโจนส์(Dow JonesSustainabilityIndex:DJSI) ในกลุ่มEmerging Markets ประจำปี 2557-2559 ต่อเนื่องกัน 3 ปีซ้อนได้รับบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืนThailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2558 -2559 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รางวัล "Thailand's Top Corporate Brands 2016"สุดยอดองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3และอีกหลายรางวัลที่สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ในระดับสากลและทั้งหมดนี้คือเครื่องยืนยันมาตรฐานต้นแบบองค์กรคุณภาพที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันสมกับชื่อ "เซ็นทรัลพัฒนา"