กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--โรงพยาบาลพญาไท 3
ตั้งเป้าพัฒนาโรงพยาบาลฯ ให้เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำอันดับ 1 ที่พร้อมด้วยบริการทางแพทย์ที่เป็นเลิศ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของโซนกรุงเทพตะวันตก
โรงพยาบาลพญาไท 3 โชว์ความสำเร็จภาพรวมเติบโตขึ้น 6% เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการ พัฒนาตนเองให้เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำอันดับ 1 ที่พร้อมด้วยบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของโซนกรุงเทพฝั่งตะวันตก ชูความพร้อมการพัฒนา "ศูนย์วัคซีน" อย่างต่อเนื่อง นำ "วัคซีนไข้เลือดออก" มาให้บริการเป็นแห่งแรกของโรงพยาบาลในโซนนี้ เพื่อเน้นการป้องกันโรคมากกว่าการรักษา มุ่งให้คนมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพดี ไร้โรค
นายแพทย์ สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าวถึง ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมาว่า เติบโตขึ้นประมาณ 6 % รวมทั้งจำนวนผู้เข้ารับบริการในปัจจุบันทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ซึ่งมีตัวเลขผู้ป่วยนอกโดยประมาณวันละ 1,500 คน และผู้ป่วยในที่นอนพักในโรงพยาบาลประมาณ 180-200 คน โดยกลุ่มลูกค้าของโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม B+ ตั้งเป้าหมายให้เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำอันดับ 1 ในโซนตะวันตก และฝั่งธนบุรี โดยมีแนวทางในการพัฒนาโรงพยาบาลเพื่อมุ่งสู่การเป็นโรงพยาบาลระดับชั้นนำที่ดีที่สุด 2 ส่วนสำคัญ คือ เรื่องความสามารถทางการแพทย์ และเรื่องการบริการที่ดี โดยที่โรงพยาบาลพญาไท 3 นั้นมีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ และบริการที่ดีไปพร้อมกัน โดยดูได้จากการผ่านการรับรองมาตรฐาน HA (Hospital Accreditation) ซึ่งเป็นการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลโดยเฉพาะ และเพิ่งผ่านการตรวจรับรองเฉพาะโรค (Disease Specific Certification) การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม และยังได้รับรางวัล สุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย (Aon Best Employers Thailand 2016)
ในส่วนของความโดดเด่นของโรงพยาบาลพญาไท 3 นพ.สุรพล กล่าวว่า "แผนกที่ได้รับความนิยมสูงสุด และใหญ่ที่สุด คือ แผนกแม่และเด็ก (ศูนย์สุขภาพหญิงและศูนย์สุขภาพเด็ก) ซึ่งแผนกเด็กมีผู้รับบริการวันละประมาณ 300 คน มีหมอเด็กประจำแบบเต็มเวลา 17 คน เรามีครบทุกความเชี่ยวชาญ (กุมารแพทย์เฉพาะทาง) เพื่อสร้างการบริการที่ครอบคลุม โดยมียอดเด็กคลอดเดือนละ 100 คน และยังนับเป็น 1 ใน 5 โรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยที่มี PICU (ศูนย์อภิบาลผู้ป่วยวิกฤตเด็ก) ให้การรักษาผู้ป่วยเด็กอาการหนักจากโรคต่างๆ โดยทีมกุมารแพทย์ด้านโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตที่ พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่พร้อมจะให้การดูแลรักษาอย่างเต็มกำลังศักยภาพและยังมี NICU (หออภิบาลทารกแรกเกิดวิกฤต) ที่ดูแลรักษาทารกแรกเกิดวิกฤตได้อีกด้วย
นอกจากนี้ เรามีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางขนาดใหญ่ อีก 20 ศูนย์ และยังมี sub-board (แพทย์เฉพาะทาง) ที่แยกลงไปในส่วนแพทย์เฉพาะทางอีก เช่น ศูนย์สุขภาพเด็ก จะมี sub-board (กุมารแพทย์เฉพาะทาง) ที่มีผู้เชี่ยวชาญประจำแยกออกมาอีก เช่น โรคภูมิแพ้เด็ก,ระบบประสาทและสมองในเด็ก ระบบหายใจในเด็กระบบทางเดินอาหารเด็ก ฯลฯ เรามีทีมแพทย์และพยาบาล บุคลากรครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่เรามีแพทย์ประจำในเวลาประมาณ 91 คนที่อยู่ในโรงพยาบาลฯ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ Part Time มากกว่า 350 คน ส่วนนอกเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้า มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 13 คน
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าวต่อถึงแผนพัฒนาโรงพยาบาลฯ ในปี 2560 นี้ว่า เรายังคงเดินหน้าพัฒนา "ศูนย์วัคซีน" ซึ่งเปิดมาได้ 2 ปีแล้ว โดยเราจะเน้นเรื่องการป้องกันมากกว่าการรักษา จะเน้นที่ผู้ใหญ่โดยเฉพาะ เพราะผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันโรคเท่าไหร่ ซึ่งจริงๆ มีวัคซีนมากมายที่สามารถป้องกันโรคได้ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ งูสวัด และคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน โดยเฉพาะในปี 2560 นี้ โรงพยาบาลพญาไท 3 นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในย่านฝั่งธนบุรีและกรุงเทพฝั่งตะวันตก ที่มีการนำวัคซีนไข้เลือดออกมาให้บริการ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกเราจะดำเนินการจัดกิจกรรมการตลาด กระตุ้นให้ความรู้เรื่องวัคซีน มีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องฉีดวัคซีนไข้เลือดออก เป็นต้น
นอกจากนี้จะมีการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง Phyathai 3 Wellness And Anti Aging Center [PWA Life Center] ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ขึ้นที่ชั้น 14 เพื่อตอบรับสังคมผู้สูงอายุที่มุ่งให้คนมีอายุยืนและสุขภาพแข็งแรง ไร้โรค ใช้งบประมาณ 17 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ รวมทั้งเปิดโปรแกรมการดูแลผู้ป่วย "Pain Management" เป็นการดูแลผู้ป่วยที่จะเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล โดยดูแลตั้งแต่ก่อนผ่าตัด ระหว่างผ่าตัด ไปจนหลังการผ่าตัดให้มีความเจ็บปวดน้อยที่สุด และยังมีแผนขยายการบริการของโรงพยาบาลสู่คอมมูนิตี้ โดยร่วมกับ "ฟู้ดวิลล่า" เปิดตัว "โซเชียล คลับ" เพราะเราอยากจะนำรพ.ไปถึงมือลูกค้า มีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพและยังจะมีทีมกุมารแพทย์ของศูนย์สุขภาพเด็กไปให้ความรู้กับคุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งมีการทำเวิร์กช้อปให้เด็กๆได้เข้าร่วมกิจรรม เป็นต้น
"จริงๆ ผมว่าเรื่องความเจ็บป่วยไข้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้าคุณเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไป โรคธรรมดา คุณจะไปที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าต้องการความปลอดภัยสูงสุด ขอให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่ท่านมั่นใจว่าสามารถดูแลท่านได้ เพราะชีวิตมีค่า บางโรค เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ มีช่วงเวลาที่ต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงที เพื่อไม่ให้เป้นอัมพาตตลอดชีวิต ที่โรงพยาบาลพญาไท3 เราเน้นบริการอย่างเอาใจใส่ด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ผมเชื่อว่าความเป็นไทยเป็นสิ่งที่ทั่วโลกเขายอมรับ การรักษาเน้นการป้องกันด้วยไม่ใช่เน้นการรักษาอย่างเดียว เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเราทำการสอบถามคนไข้กลุ่ม A กลุ่ม B และกลุ่ม C ว่าเมื่อนึกถึงรพ.เอกชนในโซนฝั่งธนบุรี อันดับ 1 นั้นนึกถึงใคร เราพบว่า A B C นึกถึงพญาไท 3 เราจึงตั้งเป้าว่าเราจะเป็นรพ.อับดับ 1 ของโซนฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯในปีนี้" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าว
และสำหรับกิจกรรมวันเด็กในปีนี้ นพ.สุรพล กล่าวเสริมว่า ปีนี้เรามีคอนเซ็ปต์ Healthy Kids Happy Kids เมื่อเด็กๆ มีสุขภาพที่ดีคุณพ่อคุณแม่ก็จะมีความสุข มุ่งเน้นว่าจะทำอย่างไร ให้เด็กๆ มีความสุข ปราศจากโรคภัย โดยใช้พื้นที่บริเวณลานกิจกรรม OPD ชั้น 1ในโรงพยาบาลจัดงานตั้งแต่ 10.00-16.00 น. เพื่อจัดกิจกรรม โดยไฮไลต์พิเศษคือการพูดคุยเกี่ยวกับการป้องกันไข้เลือดออก โดยกุมารแพทย์ด้านโรคติดเชื้อในเด็ก พญ.ฐิติอร นาคบุญนำ และอายุรแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ พญ.สุพิชชา องกิตติกุล ร่วมด้วย เหล่าคนดัง อาทิ คุณโบว์-ชญาดา เศวตนันทน์ และน้องอชิ -อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช, น้องชาเลท-วิศิตา แฮเมเนา นักแสดงจากวัยแสบสาแหรกขาด และยังมีเวิร์กช็อปสอนทำเทียนหอมตะไคร้ ซึ่งเป็นโอกาสให้เด็กๆ ได้ร่วมกันทำความดีและรู้จักแบ่งปัน เพราะเทียนหอมที่ทำสำเร็จแล้วสามารถนำกลับบ้าน หรือจะฝากให้โรงพยาบาลนำไปกระจายให้กับชุมชนที่อยู่โดยรอบก็ได้ ถือเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกแล้วยังส่งความห่วงใยและรู้จักมอบความสุขให้กับคนอื่นด้วย