กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--ธ. กสิกรไทย
กสิกรไทยเตรียมรุกสินเชื่อเอสเอ็มอีต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นรายแรกที่ขอเพิ่มวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีกับ บสย.เป็น 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในปี 2545 พร้อมตั้งฝ่ายใหม่ "ฝ่ายสินเชื่อวิภัชธนกิจ" ทำตลาดเชิงรุกให้ได้เป้าหมายปล่อยกู้ 15,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2544 ที่ห้องจินดาธร ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ได้มีพิธีลงนามในการเพิ่มวงเงินค้ำประกันลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ระหว่างธนาคารกสิกรไทยและบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยมีนายเดวิท เฮนเดร็ก รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และนายชินสุข วีรวรรณ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ร่วมลงนาม ทั้งนี้ บสย.จะขยายวงเงินค้ำประกันลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารกสิกรไทยจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารแรกที่ได้ขอเพิ่มวงเงินค้ำประกันดังกล่าว
นายเดวิท เฮนเดร็ก รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมกับ บสย.ในการค้ำประกันลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีที่ผ่านมาวงเงิน 1,000 ล้านบาท ปรากฏว่า ลูกค้าของธนาคารได้ให้ความสนใจในการใช้บริการถึง 313 ราย คิดเป็นวงเงินที่ค้ำประกัน 831 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าวงเงินดังกล่าวจะเต็มในเร็ว ๆ นี้
ดังนั้นธนาคารจึงได้ขอขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีกับ บสย.จาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และจะช่วยให้ลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ แต่มีหลักทรัพย์ที่จำกัด สามารถได้รับวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
สำหรับการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารกสิกรไทย ณ พ.ย.2544 ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วประมาณ 11,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปล่อยกู้ได้เดือนละ 1,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในปี 2544 จำนวน 10,000 ล้านบาท สำหรับในปี 2545 ธนาคารตั้งเป้าจะปล่อยกู้ให้ได้อีก 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารได้มีการตั้งฝ่ายสินเชื่อวิภัชธนกิจ เข้ามาดูแลและทำการตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อ
นายชินสุข วีรวรรณ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้เปิดเผยว่า บสย. เป็นหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งที่มีนโยบายสนับสนุนกิจการเอสเอ็มอี โดยการเข้ามาค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อแก่กิจการเอสเอ็มอีมากยิ่งขึ้น
ซึ่งธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่ได้ขอขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีของลูกค้าธนาคารจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยมีสัดส่วนการค้ำประกันจากบสย.สูงถึง 46.0% ของการค้ำประกันต่อสถาบันการเงินโดยรวม และในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย เป็นลูกค้าที่มีคุณภาพมากและมีประวัติการใช้บริการ บสย.อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติการค้ำประกันจะอิงตามคำอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยทันที และจะออกหนังสือค้ำประกันให้ภายใน 5 วัน ในวงเงินค้ำประกันไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย หรือไม่เกินครึ่งหนึ่งของสินเชื่อรวม
บสย.เชื่อว่าโครงการค้ำประกันสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีของบสย.จะมีส่วนช่วยเหลือกิจการเอสเอ็มให้มีเงินทุนที่เพียงพอในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งก็เป็นนโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ที่มีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันก็จะช่วยให้ธนาคารกสิกรไทย สามารถบรรลุเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อที่ตั้งไว้ได้--จบ--
-อน-