กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--อาร์เอส
"อาร์เอส" ลุยเปิดแผนธุรกิจปี 60 ตั้งเป้าโกยรายได้ 3.5 พันล้าน มาจากกลุ่มมีเดีย 75% เฮลท์แอนบิวตี้ 15% เพลง 5% และอื่นๆ 5% เผย "ช่อง 8" เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน "เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์" ใช้ "ละคร-มวย-ข่าว-วาไรตี้" 4 คอนเทนต์หลักเป็นหัวหอก ขณะที่ "ไลฟ์สตาร์" ลุยขยายช่องทางโมเดิร์นเทรดคู่ใช้สื่อครบวงจร ด้าน "ธุรกิจเพลง" ปรับโมเดลใหม่เปิดโอกาสให้ศิลปินมีส่วนร่วมลงทุนผลิตผลงาน ฟาก "คูล93" ส่ง 2 กิจกรรมหลักCOOL Outing และ COOL Degree ขยายฐานผู้ฟังรักษาแชมป์
ลาดพร้าว-นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมรุกและเผชิญความท้าทายปีระกา ด้วยความมุ่งมั่น เข้มข้น และรอบคอบสู่เป้าหมาย โดยมองว่าแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีปี 2560 จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ คสช. ประกาศใช้มาตรา 44 ขยายเวลาจ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลออกไป และกองทุนวิจัย กสทช. เข้ามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมตามกฎมัสต์แครี่ รวมไปถึงนโยบายต่างๆ ที่ภาครัฐออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ และการผ่อนคลายของสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้เชื่อว่าเจ้าของสินค้าจะกล้ากลับมาใช้งบทำการตลาดและโฆษณามากขึ้น โดยเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่จะยังคงกระจุกตัวอยู่แค่ 5 ช่องแรกที่ครองเรตติ้งสูงสุด ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา ช่อง 8 ประสบความสำเร็จครองเรตติ้งท็อปไฟว์ของเมืองไทยถือเป็นตำแหน่งที่สามารถช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาจากตลาดได้ โดยมี 3 คอนเทนต์ที่แข็งแกร่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดสายตาผู้ชม คือ "ละคร" ที่มีรสชาติถูกใจผู้ชม ขณะที่ "ข่าว" และ "มวย" เป็นอีกสองกลุ่มของทางสถานีที่มีเรตติ้งโดดเด่น วัดได้จากการครองเรตติ้งอันดับ 1 ของกลุ่มคอนเทนต์นั้นๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าปี 2560 มีรายได้ 3.5 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนมาจากธุรกิจสื่อ 75%ตามด้วยธุรกิจสุขภาพและความงาม 15% ธุรกิจเพลง 5% และอื่นๆ 5% ในส่วนของช่อง 8 วางแนวทางการดำเนินธุรกิจดิจิตอลทีวีตอกย้ำโพซิชันนิ่ง "เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์" ที่ชัดเจนอยู่แล้วให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในวงกว้าง โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสายตาผู้ชม (Eye ball) เฉลี่ย 5 แสนรายต่อนาที จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 แสนรายต่อนาที และคาดว่าจะมีรายได้ 2 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการปรับราคาโฆษณาเพิ่มให้สอดรับกับเรตติ้งที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนอัตราค่าโฆษณาที่ขายสูงสุดอยู่ในช่วงละครไพร์มไทม์และรายการกีฬายอดนิยมเรตติ้งอันดับ 1 ของประเทศอย่าง "8 แม็กซ์ มวยไทย"
ล่าสุด ได้ทุ่มทุนซื้อลิขสิทธิ์ "สีดาราม ศึกรักมหาลงกา" อภิมหาซีรีส์ฟอร์มยักษ์จากประเทศอินเดีย มาออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 19.20 น. เริ่มวันจันทร์ที่ 23 มกราคมนี้ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยซึ่งเหตุผลที่เลือกเรื่องนี้ เพราะมองว่าเป็นการนำมหากาพย์วรรณกรรมสุดคลาสสิกมาทำทีวีซีรีส์แนวดราม่า แอ๊คชั่น แฟนตาซี จึงมั่นใจว่าจะกระแสตอบรับดีและประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องราวที่คนไทยคุ้นเคย เข้าถึงได้ง่าย สนุก ที่สำคัญยังถือเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้รับชมมหาตำนานความรักของสีดาและพระราม ระดับต้นฉบับรามายณะที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งเนื้อหาและงานสร้างสมจริงสุดยิ่งใหญ่อลังการด้วยทุนสร้างกว่า 1.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ช่อง 8 จะใช้กลยุทธ์ The8perience มุ่งเน้นนำเสนอผ่าน 4 คอนเทนต์หลักๆ คือ ละคร, ข่าว, กีฬา และวาไรตี้ เป็นแรงส่งสำคัญผลักดันให้เรตติ้งของช่องเติบโต ทำให้จะได้เห็นสัดส่วนคอนเทนต์บนหน้าจอแตกต่างกันไป โดยวันจันทร์-พฤหัสบดีก็จะได้ดูทั้งซีรีส์และละครใหม่แกะกล่องในช่วงไพร์มไทม์ ในขณะที่ วันศุกร์-อาทิตย์ ผู้ชมช่อง 8 ก็จะได้มันส์สะใจกับกีฬาต่อสู้ จากรายการมวยในรูปแบบต่างๆอย่างจุใจ พร้อมทั้งเตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาด "ช่อง 8 พบเพื่อน" ครอบคลุมทั่วประเทศ และวางแผนจะซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ครบวงจรเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย โดยวางละครใหม่ไว้ 9 เรื่อง ประเดิมด้วย 2 เรื่องแรก คือ "เชลยศึก" ออกอากาศครั้งแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ และ "เงาเสน่หา" ออกอากาศครั้งแรกวันที่ 20 มีนาคม 2560 ส่วนอีก 7 เรื่องที่เหลือ ได้แก่ ทรายย้อมสี, เงาอาถรรพ์, เพลิงรักไฟมาร, เกมรักพยาบาท, เสน่ห์นางครวญ, ใจลวง และคุณผู้หญิงบานเบอะ ขณะที่ได้นำ "เสียงสวรรค์พิชิตล้าน"รายการวาไรตี้ที่ประสบความสำเร็จในปี 2559 ครองใจคอเพลงลูกทุ่งทั้งประเทศ มาต่อยอดเป็นรายการวาไรตี้ใหม่ "เสียงสวรรค์ฟันน้ำนม" เพื่อขยายฐานผู้ชมไปยังกลุ่มครอบครัว
"เรายังใช้จุดแข็งของช่อง 8 คือ ละครเป็นอาวุธสำคัญช่วยสร้างการรับรู้และจดจำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ทำได้ดีและมีความแข็งแกร่งพอตัว ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับกีฬาและข่าวที่ตอนนี้ยึดหัวหาดเหนือคู่แข่ง เพราะทำเรตติ้งขึ้นอันดับ 1 ของกลุ่มรายการนั้นๆ แล้ว กลุ่มกีฬามีมวยเป็นพระเอก ไม่ว่าจะเป็น 8 แม็กซ์ มวยไทย, เดอะแชมเปี้ยน มวยไทยตัดเชือก, มวยไทยแบทเทิล ศึกค่ายชนค่าย รวมไปถึงมวยระดับโลกที่ได้ลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสด เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง อย่างศึกมวยโลกช่อง 8HBO Boxing และ UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม ส่วนกลุ่มข่าวย่อยให้ดูง่าย เข้าใจง่าย ทำให้ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะ "คุยข่าวเช้า" ต้นแบบรายการข่าวช่วงเช้าที่มีเวลาออกอากาศยาวที่สุดในประเทศในปัจจุบันกำลังไปได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ "ปากท้องต้องรู้" รายการข่าวเศรษฐกิจน้องใหม่ที่เพิ่งเติมเข้ามาเมื่อช่วงเดือนธันวาคมก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี" นายสุรชัย กล่าว
นอกจากนี้ "ไลฟ์สตาร์" ก็เป็นอีกธุรกิจที่โดดเด่นของบริษัทฯ เพราะแนวโน้มตลาดสุขภาพและความงามมีโอกาสทางการตลาดเติบโตสูง เป็นผลจากคนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแล้ว โดยหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีที่ผ่านมาปรากฎว่ามีกระแสตอบรับที่ดี ดังนั้น ในปีนี้จะเปิดเกมรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ วางแผนรุกขยายช่องทางกระจายสินค้าเข้าสู่โมเดิร์นเทรดและร้านผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจรทั่วประเทศ เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายของทุกผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาแต่ละแบรนด์สินค้าผ่านทางสื่อดิจิตอลทีวีช่องหลักๆ เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำในวงกว้างให้รวดเร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะใช้โซเชียลมีเดีย ได้แก่ เฟสบุ๊ค, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ รวมทั้งบล็อกเกอร์ผลิตภัณฑ์ความงามร่วมโปรโมท ตลอดจนติดตั้งบิลบอร์ดทั้งขนาดยักษ์และบริเวณริมทางเท้าบนถนนเส้นหลักกระจายอยู่ตามจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
ด้าน ธุรกิจเพลงมีรายได้และทำกำไรดูแลตัวเองได้สวนกระแสธุรกิจเพลงทั่วโลกที่ค่อยๆ ทยอยล้มหายไป เพราะมีการปรับโมเดลใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงมาโดยตลอด ล่าสุดเปิดโอกาสให้ศิลปินทุกคนมีส่วนร่วมในการลงทุนผลิตและวางแผนผลงานเพลง ในลักษณะกึ่งพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตัวศิลปินได้ทั้งในด้านการวางแผนงาน การดูแลรักษาคุณภาพ และมาตรฐานของชิ้นงาน ตลอดจนพัฒนาตัวเองกับการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันทำให้บริษัทฯ บริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดังนั้น ปีนี้จะได้เห็นผลงานเพลงทั้งลูกทุ่งแท้ หมอลำ เพื่อชีวิต ป๊อบ แดนซ์ ตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังทุกเพศทุกวัย ได้แก่ ใบเตย อาร์สยาม, กระแต อาร์สยาม, จ๊ะ อาร์สยาม, จินตหรา พูนลาภ อาร์สยาม, หวาย, วงเฟลม, วงเคลิ้ม, โก๊ะ นิพนธ์, กรีน, ไปด์, มาร์ค, แองจี้ กามิกาเซ่ รวมไปถึงเพลงประกอบละครอีก 9 เพลง โดยยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางการเข้าถึงผู้ฟังผ่านโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกช่องทางชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ rsfriends, welovekamikaze, rsiammusic
ขณะที่คูล93ฟาเรนไฮต์ยังคงมีรายได้เติบโตสวนกระแสภาพรวมธุรกิจวิทยุ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ซึ่งถือเป็นสถานีแรกและสถานีเดียวที่เป็นผู้นำด้านแอพพลิเคชั่นฟังเพลงด้วยระบบคมชัดสูงสุดเอชดีพลัส ดูได้จากเรตติ้งช่วงที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีฐานผู้ฟังรวมทุกช่องทางทั่วประเทศกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน เป็นผลจากการปรับตัวเองเป็น Music Station (มิวสิคสเตชั่น) สถานีเพลงที่รับฟังได้ทุกช่องทาง "On Air (ออนแอร์)" ซึ่งรับฟังทางคลื่น FM ที่มีฐานเหนียวแน่นมากถึง 1.5 ล้านรายต่อเดือน และ "Online (ออนไลน์)" มีฐานผู้ฟังพุ่งทะยานสู่ 2.5 ล้านรายต่อเดือน ดังนั้น ในปีนี้จะยังคงจัด 2 กิจกรรมหลักๆ คือ COOL Outing และ COOL Degree ที่มีผลตอบรับดี เพื่อขยายฐานผู้ฟังเพิ่มขึ้นต่อไป โดยมั่นใจจะสามารถรักษาแชมป์เรตติ้งอันดับ 1 คลื่นวิทยุได้แน่นอน