กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน แนะนายจ้าง ลูกจ้าง น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง จัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการ สร้างภูมิคุ้มกันด้านเศรษฐกิจและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้กับลูกจ้าง
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ด้วยสภาวการณ์ปัจจุบัน ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายและกู้เงินนอกระบบ มีหนี้สินจนส่งผลกระทบต่อการงาน ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จากปัญหาดังกล่าว พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเร่งดำเนินการส่งเสริมให้ ผู้ใช้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ที่เพียงพอต่อรายจ่าย กสร. จึงได้น้อมนำแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยนำมาเป็นหลักในการส่งเสริมให้สถานประกอบการจัดสวัสดิการด้านเศรษฐกิจให้กับผู้ใช้แรงงาน ผ่านโครงการส่งเสริม ให้จัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้แรงงาน ในการสร้างเสริมวินัยในการใช้จ่าย รู้จักพอประมาณ ความมีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกันด้วยการออม ในกรณีที่มีความขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายลูกจ้างก็สามารถจะกู้ยืมเงินผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์มา ค้ำประกันและเสียดอกเบี้ยในอัตราถูกซึ่งจะเป็นหนทางในการป้องกันปัญหาการกู้ยืมเงินนอกระบบของลูกจ้าง
นอกจากนี้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ยังมีกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานมีวงเงิน 260 ล้านบาท ไว้ให้บริการแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการกู้ยืมเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ นายจ้างเจ้าของสถานประกอบการที่สนใจสอบถามได้ที่ กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือโทรสายด่วน 1546 อย่างไรก็ตามหากนายจ้างให้ความสำคัญกับการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการแล้ว ลูกจ้างเองก็ต้องให้ความสำคัญและตั้งใจที่จะแก้ปัญหาหนี้สินของตนเอง พร้อมน้อมนำ แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ไปปฎิบัติใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดเป็นนิสัยจนสามารถปลดหนี้และมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นตามศาสตร์พระราชา นายสุเมธ มโหสถ อธิบดี กสร. กล่าว