กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--IR network
บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) กางแผนธุรกิจในปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน รุกขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเต็มสูบ พร้อมทุ่มงบลงทุนมูลค่า 50- 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการวิจัยพัฒนา เดินหน้าศึกษาโครงการร่วมทุนเพื่อผลิตยางล้อรถยนต์-รถบรรทุก หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2560 ว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งตลาดในประเทศจะเน้นการขยายฐานทั้งตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะเน้นที่ประเทศอินเดียซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และขยายไปประเทศใหม่ๆเพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศจะใกล้เคียงปีก่อน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 50 : 50
"แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้น่าจะทรงๆตัว หรือดีขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาพืชผลการเกษตร ซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อของภาคประชาชน ขณะที่ในส่วนของบริษัทฯจะมุ่งเน้นการทำการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยมีแผนขยายตลาดทั้งในประเทศและขยายตลาดต่างประเทศอื่นๆเพิ่มเติม นอกเหนือจากตลาดอินเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยง ทั้งนี้ ในส่วนของราคายางที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ก็ย่อมส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัท แต่ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรม ดังนั้นเมื่อต้นทุนผู้ผลิตทุกรายสูงขึ้น การจัดโปรโมชั่นก็คงจะมีน้อยลง และ/หรือราคาสินค้าก็อาจจะถูกปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรักษาอัตรากำไรของบริษัทไว้ได้" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ AIR LOCK ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาใช้ทดแทนยางใน บริษัทฯยังคงเดินหน้าทำแผนการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับให้ความรู้ตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถสร้างการรับรู้ และทำให้ผู้บริโภครู้จักยาง ND Rubber มากขึ้น
สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทฯตั้งไว้ที่ 50 – 100 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการวิจัยพัฒนาสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด
"ในส่วนของโครงการร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตและจำหน่ายยางล้อรถยนต์และยางล้อรถบรรทุก บริษัทฯและบริษัท ป.สยามอุตสาหกรรมยาง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน ยังคงเดินหน้าศึกษารายละเอียดของโครงการ แม้ว่าผู้ร่วมทุนอีกรายไม่สามารถตกลงในเงื่อนไขบางอย่างในการเข้าร่วมทุนครั้งนี้ได้จึงได้ขอชะลอการตัดสินใจการเข้าร่วมทุนดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปัจจุบันของบริษัทแต่อย่างใด" นายชัยสิทธิ์ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการเน้นบริหารจัดการด้านต้นทุน ประกอบกับบริษัทฯได้มีการผลิตไฟฟ้าใช้เองในโรงงาน ซึ่งปีนี้จะรับประโยชน์อย่างเต็มปี (เริ่มผลิตตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559) เชื่อว่าจะผลักดันให้ภาพรวมอัตรากำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ