กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจ อสังหาริมทรัพย์เติบโตสอดคล้องการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดพบโซนเชียงใหม่ เชียงราย เขาใหญ่ มียอดขายได้เฉลี่ย 79% ตอบรับการท่องเที่ยวที่เติบโตถึง 13% โดยเฉพาะเชียงใหม่ยอดขายสูงถึง 82% เหตุมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย สื่อต่างชาติยกให้เป็นเมือง น่าลงทุนในอสังหาฯ มากที่สุดในอาเซียน แถมยังมีโครงการพัฒนาสนามบินสันกำแพง และโครงการรถไฟความเร็วสูงหนุนราคาอสังหาในอนาคตพุ่ง
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลของฝ่ายวิจัยของ พลัสฯ พบว่าการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวในบางพื้นที่มีทิศทางเติบโตสอดคล้องกัน โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย และเขาใหญ่ โดยการสำรวจล่าสุดเมื่อปลายปี 2559 พบว่ามียอดขายได้สะสมโดยเฉลี่ยทั้ง 3 พื้นที่อยู่ที่ 79% ซึ่งตลาดอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวในภาคเหนือ (เชียงใหม่ เชียงราย) มีอุปสงค์ที่ตอบรับได้ดีกว่าพื้นที่อื่น ทั้งนี้จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2559 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนประมาณ 13%
หากวิเคราะห์รายจังหวัด โดยเริ่มต้นจากเชียงใหม่ พบจำนวนโครงการอสังหาฯ 179 โครงการ มียอดขายแล้ว 82% จากอุปทานรวมจำนวน 27,709 ยูนิต อุปสงค์โดยรวมเพิ่มขึ้น 7% รูปแบบที่มีการตอบรับดีคือ บ้านเดี่ยว ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ขายดีในโซนตัวเมืองเชียงใหม่ และหากขยับไปรอบนอก ก็ยังขายได้เพราะมีดีมานด์จากชาวกรุงเทพฯ ที่ซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศเพราะมีบรรยากาศที่ดี ส่วนช่วงราคา 7 - 9.99 ล้านบาท พบอัตราดูดซับเฉลี่ย 5.7 ยูนิตต่อเดือน ทั้งนี้ จากการสำรวจยังพบอุปทานบ้านเดี่ยวระดับบน หรือ ในกลุ่มราคา 25 – 50 ล้านบาทต่อยูนิต ทมียอดตอบรับแล้ว 79% โครงการเหล่านี้ตั้งอยู่ในโซนรอบนอกเมืองเชียงใหม่ ใกล้เคียงกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คนนิยมซื้อไว้เป็นที่พักตากอากาศ และสำหรับกลุ่มดีมานด์ระดับพรีเมี่ยมที่เริ่มหันไปหาที่ดินที่ใหญ่ขึ้นเพื่อปลูกสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศเพราะได้พื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้น มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่งพบว่าบางหลังมีมูลค่าบ้านมากกว่า 30 ล้านบาทโดยประมาณ อย่างพื้นที่แถวโซนแม่ริม และคาดว่ายังมีความต้องการของดีมานด์ระดับพรีเมี่ยมนี้อยู่เช่นกัน
จังหวัดเชียงราย ในรอบสำรวจนี้พบยอดขายได้แล้ว 76% ของอุปทานรวม 4,161 ยูนิต มีอัตราดูดซับโดยเฉลี่ยของทุกโครงการอยู่ที่ 2.6 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ อุปสงค์ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ที่ซื้อไว้อยู่อาศัย ตอบรับดีในอสังหาฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต เน้นทำเลในตัวเมืองเชียงรายทั้งแนวราบและแนวสูง ตลาดคอนโดมิเนียมตอบรับดี ในรูปแบบ 1 ห้องนอน ราคา 40,000 – 60,000 บาทต่อตารางเมตร อัตราการดูดซับอยู่ที่ 6.6 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ยังไปได้ในโซนเมือง อัตราการดูดซับอยู่ที่ 1.9 และ 8.2 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ตามลำดับ
ขณะที่อสังหาฯ ในพื้นที่เขาใหญ่ พบอุปทานสะสมจำนวน 5,078 ยูนิต อุปสงค์ตอบรับแล้ว 72% ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเป็นตลาดหลักของพื้นที่นี้ พบอุปทานใหม่ในรอบสำรวจ 2559 มียอดตอบรับเฉลี่ย 87% หรือ 11.7 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ โดยอุปสงค์ตอบรับดีในช่วงราคา 60,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร กลุ่มอุปสงค์เป็นคนนอกพื้นที่ที่ซื้อไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหรือซื้อไว้เพื่อลงทุน
"สำหรับแนวโน้มอสังหาฯ ในปี 2560 ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่คาดว่าอุปสงค์ยังมีแนวโน้มเติบโต จากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ รวมถึงยังมีแนวโน้มที่จะดึงดูดอุปสงค์ชาวต่างชาติให้กันมาจับจองอสังหาฯ ในเชียงใหม่ ซึ่งเชียงใหม่ถือเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติ โดยสื่อต่างชาติอย่าง The Huffington Post ของประเทศสหรัฐฯ จัดอันดับให้เชียงใหม่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ส่วนอุปทานใหม่คาดว่าจะพบการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงที่อาจมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 80% โดยเน้นการลงทุนในทำเลเมือง ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรือในโซนที่ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างโซนแม่ริม ด้านจังหวัดเชียงราย คาดว่ายังทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2559 ถึงแม้ว่าจะพบหลายโครงการทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงชะลอการก่อสร้างออกไปในช่วงปลายปี 2558-2559 แต่ยังมีอุปทานใหม่ จากผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นเข้ามาเติมเต็มอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม โครงการอสังหาฯ ในพื้นที่นี้เน้นเสนอขายคนในพื้นที่เป็นหลักทำให้ตลาดยังเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากนัก สำหรับอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวอย่างเขาใหญ่ อาจจะยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ซึ่งเป็นผลกระทบจากการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินจากภาครัฐครั้งใหญ่ ในปี 2557-2558 ส่งผลให้โครงการบางโครงการยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ บางส่วนยกเลิกการขายโครงการ ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศบริเวณนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย อย่างไรก็ตามในปี 2560 คาดว่าโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวราบและแนวสูง ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 20 โครงการ ทำให้แนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาฯ เขาใหญ่ ในปี 2560 ยังคงทรงตัวต่อไป" นายอนุกูล กล่าว