กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--ปตท.
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ปตท.ก๊าซธรรมชาติ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ปตท. จ่ายก๊าซธรรมชาติเข้าระบบสูงสุดถึง 2,843 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งเทียบเท่าน้ำมันเตา 64 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในการใช้ก๊าซฯของประเทศนับตั้งแต่มีการใช้ก๊าซฯครั้งแรกในปี 2524 ซึ่งใกล้เต็มกำลังรับ-ส่งก๊าซฯสูงสุดของระบบท่อก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ที่ในปัจจุบันมีความยาวระบบท่อฯ สายประธานทั้งในบนบกและทะเลประมาณ 2,400 กิโลเมตร ใน 15 จังหวัดทั่วประเทศทั้งนี้ ก๊าซฯ ดังกล่าวแบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยรวม 1,927 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน การจัดหาก๊าซฯจากแหล่งน้ำพอง 62 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและแหล่งจากประเทศพม่ารวม 854 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าปริมาณก๊าซฯ โดยรวมที่ ปตท. ต้องรับจากทุกสัญญา และหากคิดเฉลี่ยปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันอยู่ในระดับ 2,300-2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เทียบกับการใช้เฉลี่ยในปี 2543 เพิ่มขึ้น 19% และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2543 เพิ่มขึ้น 28% ซึ่งจะเห็นว่าหากไม่มีก๊าซฯ จากพม่ามา จะไม่มีก๊าซฯเพียงพอต่อการใช้ และจะเห็นว่าต้องมีการเตรียมจัดหาก๊าซฯ จากแหล่งใหม่ๆ และระบบท่อส่งก๊าซฯ รองรับเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนในอนาคตผู้จัดการใหญ่ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าแทนน้ำมันเตาเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ทั้งในด้านต้นทุนการผลิตและการประหยัดเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยทั้งหมดมีราคาต่ำกว่าน้ำมันเตาถึง 20% ทำให้ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ประเทศประหยัดเงินจากการใช้ก๊าซธรรมชาติทดแทนน้ำมันเตาในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึงประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่งในปี 2543 การใช้ก๊าซฯ ทดแทนน้ำมันเตาดังกล่าวทำให้ประหยัดเงินได้รวมประมาณ 16,500 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่ใช้ก๊าซธรรม-ชาติเป็นเชื้อเพลิงก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน--จบ--
-สส-