กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ – SORKON มองเทรนด์รักสุขภาพและโฮมเดลิเวอรี่มาแรงดันภาพรวมธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนหรือ QSR เติบโตโดดเด่น เดินหน้าปรับทัพกลุ่มธุรกิจ QSR เสริมความแข็งแกร่งรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ชูกลยุทธ์ใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษเป็นจุดขายและมุ่งเน้นให้บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน (เดลิเวอรี่) หนุนศักยภาพการดำเนินธุรกิจ 'ร้านแซ่บ คลาสสิก' พร้อมพัฒนาเมนูอาหารไทยหวังเป็นแม่เหล็กดึงลูกค้าต่างชาติ ขณะที่ร้าน 'ข้าวขาหมูยูนนาน'ปรับโมเดลธุรกิจสู่การขายแฟรนไชส์ไซส์เล็ก ปูพรมยึดหัวหาดชุมชม มั่นใจปีนี้กลุ่มธุรกิจ QSR ช่วยหนุนภาพรวมรายได้บริษัทฯ ปี 60 เติบโตเป็นเลข 2 หลัก
นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ของไทยในปีนี้คาดว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยมาจากเศรษฐกิจที่เติบโต ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีวิถีชีวิตแบบเร่งรีบทำให้เกิดความนิยมเข้าไปใช้บริการในร้านอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ หรือสั่งซื้อสินค้ามารับประทานในที่ทำงานหรือที่บ้านเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ QSR มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต
ดังนั้น นโยบายการดำเนินธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนของกลุ่ม ส.ขอนแก่น ในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ โดยนำเทรนด์ตลาดมาใช้เป็นแนวทางการพัฒนาธุรกิจ 'ร้านแซ่บ คลาสสิก' ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น จึงมีนโยบายเน้นเทรนด์สุขภาพ โดยมุ่งเน้นการคัดเลือกวัตถุดิบปลอดสารพิษในการปรุงอาหาร มีความสดใหม่ สะอาดจากแหล่งเพาะปลูกที่ดี เช่น ผักปลอดสารเคมี โดยมีเป้าหมายต้องการยกระดับคุณภาพมาตรฐานอาหารและการให้บริการของร้านที่ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารพร้อมรับประทาน รองรับความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมสั่งซื้อสินค้าพร้อมบริการจัดส่งถึงบ้าน (เดลิเวอรี่) เพิ่มขึ้น และยังสอดคล้องกับแผนลงทุนที่อยู่ระหว่างดำเนินการเปิดสาขาต้นแบบของร้านแซ่บ คลาสสิก ที่เน้นการให้บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่ผ่านมาพบว่า ยอดขายจากการให้บริการดังกล่าวเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีสัดส่วน 20-25% ของยอดขายรวมกลุ่มธุรกิจ QSR
พร้อมกันนี้ ร้านแซ่บ คลาสสิก ยังได้เพิ่มเมนูอาหารไทยซึ่งเป็นที่นิยมจากลูกค้าคนไทยและต่างชาติเพื่อเป็นทางเลือกทุกเดือน เช่น เมนูแกงมัสมั่น ผัดไทย พร้อมทำประชาสัมพันธ์สื่อสารการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในไทย เข้ามาใช้บริการภายในร้านมากขึ้น
ส่วนร้านข้าวขาหมู ยูนนาน บริษัทฯ มีแผนปรับรูปแบบการลงทุน โดยเน้นการเปิดสาขาขนาดเล็กหรือ คีออส ผ่านการขายแฟรนไชส์ให้แก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเพียง 89,000 บาท เพื่อรุกเข้าสู่แหล่งชุมชน ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการเปิดร้านข้าวขาหมูเป็นจำนวนมาก ส่วนสาขาเดิมจะทยอยปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบแฟรนไชส์แก่นักลงทุนที่สนใจเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร ซึ่งจะมีการเพิ่มเมนูอาหารใหม่ ๆ ให้หลากหลาย เช่น ติ่มซำ เมนูเกี่ยวกับผักต่าง ๆ พร้อมทั้งจะจัดทำแพ็คสินค้าขาหมูพร้อมทานเพื่อนำไปวางจำหน่ายภายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้บริโภคซื้อกลับไปบริโภคที่บ้านอีกด้วย
"ในปีนี้กลุ่มธุรกิจ QSR ยังคงเป็นธุรกิจหัวหอกของกลุ่ม ส.ขอนแก่น เพื่อผลักดันการเติบโต โดยจะปรับกลยุทธ์เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขัน ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษเพื่อสร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคเข้ามาบริการเพิ่มขึ้น และทำให้ธุรกิจ QSR เติบโตและมีส่วนสำคัญต่อการผลักดันภาพรวมรายได้ในปีนี้ให้เติบโตเป็นเลข 2 หลักได้" นายเจริญ กล่าว