กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--กทม.
ดร.สหัส บัณฑิตกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการออกตรวจปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า(ฝั่งพระนคร) ,บริเวณใต้สะพานพระราม 9 ,แนวถนนพระราม 3 ,และที่อาคารระบายน้ำออกคลองเปรมประชากรบริเวณท่าน้ำบางโพ เมื่อวันที่ (4 พ.ย. 44) เวลา 08.30 น. ว่า สืบเนื่องจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ รายงานว่า ในวันที่ 4 พ.ย. 44 เวลา 07.30-10.30 น. ฐานน้ำทะเลหนุนจะมีระดับสูงสุดในรอบปีคือ 131 ซ.ม. เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (สูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 40 ซ.ม.) ประกอบกับเกิดฝนตกหนักในภาคเหนือของประเทศ ทำให้เขื่อนต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่เหนือกรุงเทพมหานครต้องระบายน้ำออกจากเขื่อน ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาล่าสุดเมื่อเวลา 08.42 น. ของวันที่ 4 พ.ย.44 มีระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ระดับ 193 ซม. แต่จากการเตรียมการของกรุงเทพมหานครที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้กทม.ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการผันน้ำออกจาก คู คลอง และบึงรับน้ำ ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม เพื่อให้คู คลองดังกล่าวสามารถรองรับน้ำได้ ตลอดจนที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้มี โครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำถาวรบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและริมฝั่งคลองของเขตต่างๆ ความยาว 82.9 กม. ขณะนี้ได้สร้างเสร็จแล้ว 35 กม. ซึ่งแนวกั้นน้ำดังกล่าวทั้งหมดจะแล้วเสร็จตามแผนงานในปี 2547 สำหรับส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จ กทม. ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยวางกระสอบทราย จำนวน 500,000 กระสอบ เพื่อเป็นแนวคันกั้นน้ำชั่วคราว นอกจากนั้นยังได้เตรียมกระสอบทรายจำนวน 1,000,000 กระสอบเพื่อแจกจ่ายให้กับเขตต่าง ๆ โดยเฉพาะเขตตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ตนได้กำชับให้สำนักการระบายน้ำ สำนักเทศกิจ และสำนักงานเขตทุกเขตโดยเฉพาะเขตที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่อาจขึ้น และขอเตือนให้ประชาชนที่อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงได้เตรียมความพร้อมด้วย ทั้งนี้หากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน สามารถโทรศัพท์แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ป้องกัน น้ำท่วม สำนักระบายน้ำ โทรศัพท์หมายเลข 0-2248-5115 ตลอด 24 ช.ม.--จบ--
-นห-