กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--IR network
ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.โรงพยาบาลราชพฤกษ์ เสนอขายหุ้นไอพีโอ 163.78 ล้านหุ้น และคาดว่าเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ได้ภายในไตรมาสแรกปีนี้ โดยมีแผนนำเงินไปใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลใหม่รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
นายพายุพัด มหาผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO และได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขณะนี้ได้นับหนึ่งไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2560 โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ภายในไตรมาสแรกปี 2560 นี้
บมจ.โรงพยาบาลราชพฤกษ์ มีทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 9 ก.ย.59 จำนวน 382.22 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 382.22 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 382.22 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวนไม่เกิน 163,780,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ เสนอขายต่อประชาชนจำนวน 155,780,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.53 และเสนอขายต่อกรรมการและผู้บริหาร จำนวน 8,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.47 วัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลใหม่ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์
ด้านผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาในปี 2556-2558 รายได้จากกิจการโรงพยาบาล เติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 343.37 ล้านบาท 377.27ล้านบาท และ 382.14 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 40.74 ล้านบาท 48.48 ล้านบาท และ 44.99 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อัตราร้อยละ 5.7 เป็นผลจากการเพิ่มของรายได้ผู้ป่วยนอกเฉลี่ยต่อครั้งที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในส่วนของรายได้จากผู้ป่วยในเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 5.3 ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มของรายได้เฉลี่ยต่อเตียงต่อวันที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเติบโตทั้งจากจำนวนวันนอนผู้ป่วยใน และรายได้ผู้ป่วยในเฉลี่ยต่อเตียงที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2558 และ งวด 9 เดือน ปี 2559 พบว่ารายได้จากกิจการโรงพยาบาลเติบโตอัตราร้อยละ 7.9 โดยมีสาเหตุหลักจากการเติบโตทั้งรายได้จากผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.3 และรายได้จากผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.0 ขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ในส่วนของกำไรสุทธิในงวด 9 เดือน ปี 2558 และงวด 9 เดือน ปี 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.3 ตามทิศทางการเติบโตของรายได้กิจการโรงพยาบาล โดยงวด 9 เดือน ปี 2558 มีกำไรสุทธิ 33.69 ล้านบาท และงวด 9 เดือน ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 49.95 ล้านบาท