กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--มร.
มหาวิทยาลัยรามคำแหงนำเทคโนโลยีชื่อ Finger Print มาใช้เช็คเวลาเรียนของ นศ.ปริญญาโท พร้อมทั้งเตรียมนำมาใช้ในระบบการทำงานของข้าราชการ ม.ร.
ศาสตราจารย์รังสรรค์ แสงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการนำเครื่อง Finger Print มาใช้ในการสอนในระดับปริญญาโทว่า จากการที่นักศึกษาจะต้องมีมาตรฐานในการเข้าห้องเรียนไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทางมหาวิทยาลัยจึงคิดนำเครื่อง Finger Print มาใช้ในการเช็คเวลาเข้าเรียน ซึ่งแต่ก่อนการเช็คเวลาเรียนนั้นจะเป็นการเซ็นชื่อในชั้นเรียน ทำให้เสียเวลาในการเรียนการสอนและเท่าที่ผ่านมานักศึกษาบางคนไม่เข้าห้องเรียนกลับให้เพื่อนเซ็นชื่อแทน ดังนั้นการนำเครื่องดังกล่าวมาใช้จะสามารถป้องกันการเซ็นชื่อแทนกันและยังช่วยให้ทราบได้ง่ายขึ้นว่านักศึกษาคนใดมีเวลาเรียนไม่ครบ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการประกันคุณภาพการศึกษาอีกทางหนึ่ง
อธิการบดีกล่าวต่อไปอีกว่า เทคโนโลยีนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องเวลา เพราะการเช็คชื่อแต่ละครั้ง จะใช้เพียงนิ้วมือสัมผัสที่เครื่อง เครื่องจะปรากฏภาพของบุคคลนั้นและสามารถบอกได้ทันทีว่าบุคคลนั้นชื่ออะไร เข้าเรียนหรือทำงานเวลาเท่าไร ซึ่งในการเช็คชื่อแต่ละครั้งจะเสียเวลาเพียงคนละ 12 วินาที
ศาสตราจารย์รังสรรค์ แสงสุข เผยอีกว่า มหาวิทยาลัยตั้งงบประมาณไว้ 1 ล้านบาท สามารถซื้อเครื่อง Finger Print ได้ถึง 50 เครื่อง ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกาและมีระบบการทำงานเหมือนกับเครื่องมือที่ใช้ในหน่วยงาน F.B.I. โดยในระยะแรกจะใช้กับนักศึกษาปริญญาโทในส่วนภูมิภาคภายในเดือนมีนาคมศกนี้ และหลังจากนั้น 2 - 3 เดือนจะนำมาใช้กับการเช็คเวลาเรียนของนักศึกษาปริญญาโทในส่วนกลาง อีกทั้งในอนาคตยังจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับระบบการทำงานของข้าราชการ ม.ร. และใช้ในการเข้าสอบของนักศึกษา ซึ่งหากมีการนำมาใช้ใน 2 ระบบหลังเมื่อไร ข่าวรามฯจะติดตามความคืบหน้ามาเสนอในโอกาสต่อไป
ในเรื่องผลสะท้อนกลับจากนักศึกษา หลังจากที่จะมีการนำเครื่อง Finger Print มาใช้ ศาสตราจารย์รังสรรค์ แสงสุข ให้ความเห็นว่า "90 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาส่วนใหญ่เขาน่าจะภูมิใจว่าเขาได้ผ่านการประกันคุณภาพในระดับหนึ่ง ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์นั้นอาจจะไม่พอใจกับการนำเครื่องชนิดนี้มาใช้ก็คือ คนที่ให้คนอื่นเซ็นชื่อแทน"--จบ--