กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยว่า ในปี 2559 บริษัทฯประสบความสำเร็จจากการนำเสนอกองทุนที่สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัมพลัส (SCBGPLUS) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ อินคัมพลัส (SCBPLUS) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีจุดเด่นคือ มีนโยบายผสมสินทรัพย์ที่หลากหลาย เน้นบริหารเพื่อสร้างรายได้ระหว่างทางและมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนปัจจุบันทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่ารวมกว่า 45,800 ล้านบาท (ณ วันที่ 20 ม.ค.2560)
นายสมิทธ์ กล่าวว่า ความผันผวนของสภาพตลาดทั่วโลกภายในรอบปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าการจำกัดการลงทุนภายใต้สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง หรือการยึดติดกับกลยุทธ์การลงทุนแบบเดิมไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นการเลือกลงทุนโดยการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Multi Asset) มีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงสินทรัพย์เดียวหรือลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง
ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีนโยบายออกกองทุนรวมผสมอย่างต่อเนื่อง อีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัม (SCBGIN) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มัลติอินคัมพลัส (SCBMPLUS) โดยมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันนี้-30 มกราคม 2560 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยทั้ง 2 กองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมสำหรับภาวะการณ์ในแต่ละขณะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
นายสมิทธ์ กล่าวว่า กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัม (SCBGIN) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่บริหารจัดการโดย Deutsche Asset & Wealth Management และมีนโยบายการลงทุนแบบเดียวกันกับกองทุนหลักของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัมพลัส ได้แก่ Deutsche Multi Opportunities แต่มีความแตกต่างกันที่กองทุนนี้ลงทุนเป็นสกุลเงิน EUR
ทั้งนี้ Deutsche Multi Opportunities เป็น Active Fund ซึ่งจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก เน้นบริหารเพื่อสร้างรายได้ระหว่างการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยรักษาระดับความผันผวนของพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในช่วงประมาณ 5 – 8% ต่อปี รวมถึงสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มในระยะยาว โดยจะเลือกลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทต่าง ๆ เช่น กองทุนตราสารทุน กองทุนผสม กองทุนตราสารหนี้และกองทุนตลาดเงิน เป็นต้น ขณะเดียวกันผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาโดยไม่มีข้อจำกัดในการลงทุน
จุดเด่นของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัม (SCBGIN) คือ กองทุนจะรับซื้อคืนอัตโนมัติหน่วยลงทุน (Auto redemption) จากผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 12 ครั้ง และยังเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนในการกระจายความเสี่ยงในหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลก
นอกจากนี้กองทุนหลักคือ Deutsche Multi Opportunities ยังเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 7.2% ต่อปี ในขณะที่ความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6.2% ต่อปี (ข้อมูล Deutsche Asset & Wealth Management ณ 30 พ.ย.59)
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มัลติ อินคัมพลัส (SCBMPLUS) มีนโยบายการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ อินคัมพลัส (SCBPLUS) คือ เน้นลงทุนทั้งในและต่างประเทศในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวม income-focused strategy เพื่อสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยมีสภาพคล่องและการป้องกันเงินต้นเป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มัลติ อินคัมพลัส ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลและไม่มี auto redemption นักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และขายหน่วยลงทุนได้วันที่ 20 ของทุกเดือน ขณะที่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์อินคัมพลัส นักลงทุนสามารถขายหน่วยได้ทุกไตรมาส