บลจ.วรรณ ประกาศจ่ายปันผล 5 กองทุน แนะทยอยสะสมระดับดัชนี 1,550 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 27, 2017 10:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--บลจ.วรรณ บลจ.วรรณ ชี้ หุ้นไทยยังได้รับSentiment เชิงบวกตามสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนระยะยาวแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหากดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,550 จุด มั่นใจเศรษฐกิจภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหนุนดัชนี พร้อมประกาศจ่ายปันผล กองทุนหุ้นไทย 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนาวรรณ (THANA1) ในอัตรา 1.25 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิด ไซรัส โมเมนตัม ฟันด์ (SYRUS-M)ในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดสหธนาคารเอกปันผล 3 (ONE-UB3) ในอัตรา 0.641 บาทต่อหน่วย ปิดสมุดทะเบียน 26 ม.ค. โดยกำหนดจ่ายปันผล 17 ก.พ. และ กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF(1DIV) ในอัตรา 0.47 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ(TDEX) ในอัตรา 0.304 บาทต่อหน่วย ปิดสมุดทะเบียน 31 ม.ค.นี้ และ กำหนดจ่าย 15 ก.พ. นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการมีมติประกาศจ่ายปันผล 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนาวรรณ (THANA1) จากกำไรสุทธิผลการดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-31 ธ.ค. 59 ในอัตรา 1.25 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิด ไซรัส โมเมนตัม ฟันด์ (SYRUS-M) จากกำไรสุทธิผลการดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค. 59 ในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดสหธนาคารเอกปันผล 3 (ONE-UB3) จากกำไรสุทธิผลการดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค. 59 ในอัตรา 0.641 บาทต่อหน่วย โดย 3 กองทุนดังกล่าว กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วย เพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 26 ม.ค. 60 และกำหนดรับเงินปันผลในวันที่ 17 ก.พ. 60 กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF(1DIV) จากกำไรสุทธิผลกำไรดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-31ธ.ค.59 ในอัตรา 0.47 บาทต่อหน่วย และ กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ(TDEX) จากกำไรสุทธิผลกำไรดำเนินงาน ระหว่างวันที่ 1เม.ย.-31ธ.ค.59 ในอัตรา 0.304 บาทต่อหน่วย โดย ทั้ง 2 กองทุน กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วย เพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 31 ม.ค. 60 และกำหนดรับเงินปันผล 15 ก.พ. 60 "ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจาก Sentiment เชิงบวกของสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นำโดยประเทศสหรัฐอเมริกา และการคาดหวังของการดำเนินงานนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ หลังผลการเลือกตั้งชัดเจน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในสินทรัพย์เพิ่มขึ้นแม้ว่าจะมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติออกไปบางส่วนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ขณะที่ตลาดเริ่มคาดการณ์การปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ระดับ 1,650 จุด จากแรงสนับสนุนในประเทศเป็นหลัก โดยการส่งออกปี 59 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยพลิกกลับมาเป็นบวกและสูงสุดในรอบ 4 ปี รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนที่จะเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสามารถหนุนความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยได้ในปีนี้" นายพจน์กล่าว นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด กล่าวเสริมว่า ภาพการลงทุนปีนี้ ยังเป็นปีของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้น ซึ่งในช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวน เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และมีโอกาสที่เงินทุนจะไหลกลับสู่ภูมิภาคในเอเชีย ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงมีแรงเก็งกำไรในบางหลักทรัพย์ โดยในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 4/59 โดยเฉพาะหมวด Real Sector ซึ่งจะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ ประกอบกับ มุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในประเทศจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่ทรงตัวได้ โดยยังอยู่ที่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลสนับสนุนการปรับขึ้นของดัชนี อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงต้องติดตามความเสี่ยงของนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ต่อการปฏิบัติได้จริง ประกอบกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 1 ก.พ. 60 นี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่อาจส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.60 สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้ระมัดระวังในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากดัชนีฯ ยังเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนตามกระแสข่าวเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนระยะกลางถึงยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหากดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,550 จุด เนื่องจากมองว่าปัจจัยในประเทศยังคงสนับสนุนต่อตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ