เรื่องย่อ รายการสำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 21:00-21:30 น. ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.

ข่าวทั่วไป Wednesday July 19, 2000 11:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--เน็กซ์สเต็ป
จันทร์ที่ 24 และอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2543 ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. 21:00 น.
"Treasures of The Deep" มหาสมบัติใต้น้ำ
ลึกลงไปใต้ผิวน้ำ ในเส้นทางเดินเรือระหว่างท่าเรือโบราณแห่งโรมและคาร์เทจ สถานที่ที่มีเรื่องราวเมื่อครั้งอดีตเล่าขานอยู่ ณ ใต้ผืนน้ำ ผ่านสิ่งของและโบราณวัตถุ รวมถึงเรือที่จมลงไปใต้มหาสมุทรซึ่งกำลังเฝ้ารอคอยการค้นพบอยู่อย่างสงบ นักสำรวจใต้น้ำ, บ๊อบ บัลลาร์ด กลับมาเยือนสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งที่ 4 เพื่อเรียนรู้ความลับใต้ผิวน้ำ ด้วยการใช้เรือดำน้ำพลังงานปรมาณูของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาและยานพาหนะที่ควบคุมได้จากระยะไกล และได้รื้อฟื้นประวัติศาสตร์ของเรือและวัตุโบราณเหล่านี้
ลึกลงไปใต้ผิวน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบนเส้นทางการเดินเรือเก่าแก่ระหว่างท่าเรือพาณิชย์สองแห่ง โรม และคาร์เทจ มีสมบัติฝังอยู่มากมาย ที่เป็นเบาะแสย้อนไปสู่อดีต โรเบิร์ต บัลลาร์ด ผู้ค้นพบซากเรือที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่เขาถึงสองลำ ได้แก่ เรือ บิสมาร์ค และเรือ ไททานิค อีกทั้งเป็นผู้นำการสำรวจเพื่อค้นหาและพิจารณาเรือที่จมลงใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และความพยายามของเขาได้รับการบันทึกไว้ใน สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ตอน "Treasures of The Deep"
เรือแปดลำได้จมลงไปใต้ผิวน้ำลึกประมาณ 0.8 กิโลเมตร บัลลาร์ดใช้ยานพาหนะที่สามารถบังคับจากระยะไกล-เจสัน เรือดำน้ำของนาวิกโยธินสหรัฐ และทีมงานที่เปี่ยมประสบการณ์อันประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทางทะเล วิศวกร และนักโบราณคดี เพื่อค้นหาแหล่งที่เรือสมัยโบราณล่มเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยพบในทะเลลึก เรือลำหนึ่งมีอายุมากกว่าช่วงเวลาการประสูติขององค์เยซูคริสต์บนโลกเสียอีก
ด้วยการใช้อุปกรณ์คีบของยานเจสัน ทำให้สามารถเก็บตัวอย่างของแอมโฟเร ซึ่งเป็นไหดินเหนียวที่ใช้สำหรับขนส่งไวน์และน้ำมัน ลิฟต์ใต้น้ำนำพวกมันขึ้นสู่เบื้องบนผิวน้ำเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ยี่สิบ นอกจากนี้ยานเจสันยังได้ถ่ายภาพใต้น้ำขาว-ดำที่ถูกนำมาปรับแต่งโดยคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างภาพที่สมบูรณ์ของแหล่งที่เรือจม
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้พร้อมด้วยสมบัติล้ำค่ากลายเป็นที่ต้องการของคนหลายกลุ่ม สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค พิจารณาเบื้องหลังความต้องการของผู้คนมากมายที่อ้างกรรมสิทธิ์ในสถานที่แห่งนั้น และผู้ที่พยายามขุดค้นหาวัตถุโบราณ เพื่อขยายขอบเขตความรู้ของเราเกี่ยวกับโลกในอดีต
พุธที่ 26 กรกฎาคม 2543 ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. 21:00 น.
"Snake Invasion" เมื่องูครองแผ่นดิน
แม้ไม่ได้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร แต่เกาะกวมกำลังจะถูกยึดครองด้วยอสรพิษยาวสิบฟุตที่มนุษย์เรียกกันว่า งูต้นไม้สีน้ำตาล นับจากที่พวกมันเดินทางมาจาก นิวกินี ด้วยการโดยสารเรือขนสินค้าของสหรัฐอเมริกา บรรดานักล่าที่กระหายเลือดเหล่านี้ได้กำจัดประชากรของนกบนเกาะจนหมดสิ้น สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ได้ติดตามนักวิทยาศาสตร์ในขณะที่พวกเขาต่อสู้เพื่อปกป้องค้างคาวผลไม้ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย และกามาเรียน่าที่เหลืออยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายบนเกาะ ซึ่งในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ควบคุมประชากรสัตว์ก็ต้องต่อสู้เพื่อป้องกันงูต้นไม้สีน้ำตาลจำนวนหนึ่งล้านตัวที่อาศัยอยู่บนเกาะมิให้รุกล้ำไปสู่เกาะอื่นๆ
สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค เดินทางไปสู่เกาะกวม เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความหายนะทางชีววิทยา เกาะกวมกำลังถูกบุกรุกโดยฆาตกรเลือดเย็น มันบุกรุกผ่านเข้ามาในยามค่ำคืนท่ามกลางความเงียบสงัด หากทว่ากลุ่มผู้ร้ายที่น่าหวาดหวั่นบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ไม่ได้เป็นอาชญากรข้ามชาติ … มันคืองูต้นไม้สีน้ำตาล
เรื่องราวที่บอกเล่านี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และบุคลากรของกรมควบคุมอันตรายจากสัตว์ในการที่จะจำกัดประชากรของงูต้นไม้สีน้ำตาล พวกมันเดินทางมาถึงเกาะกวมในปีคริสตศักราช 1940 มีความเป็นไปได้มากว่าอาจจะมาจาก นิวกินี ทางเรือขนส่งสินค้าสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่แรกที่ได้เข้ามายังเกาะกวม เจ้างูสีน้ำตาลชนิดนี้ได้ออกเพ่นพ่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง นับตั้งแต่ท่อระบายน้ำและสายไฟฟ้า แม้กระทั่งตะกร้าเสื้อผ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน
การบุกรุกของงูชนิดนี้ส่งผลให้สัตว์ป่าหลายชนิดต้องเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ไปจากเกาะ และนำไปสู่การสูญพันธุ์ของนกถึงเก้าสายพันธุ์ ซึ่งเป็นนกที่มีอยู่เฉพาะบนเกาะกวมแห่งเดียวเท่านั้นในโลก
สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แสดงให้เห็นว่า อสรพิษชนิดนี้สามารถไต่ขึ้นไปบนพื้นผิวทุกชนิด และผ่านเข้าไปได้แม้แต่รอยร้าวที่เล็กที่สุด พวกมันสามารถดำรงชีวิตได้ทุกรูปแบบ โดยไม่ต้องหวั่นเกรงต่อภยันตรายใดๆ ในอาณาจักรแห่งใหม่ของพวกมัน
นอกเหนือไปจากการปกป้องชีวิตสัตว์ป่าบนเกาะ กรมควบคุมอันตรายจากสัตว์ยังต้องต่อสู้เพื่อยับยั้งมิให้สัตว์ร้ายชนิดนี้บุกรุกไปยังเกาะใกล้เคียงอื่นๆ เดินทางไปกับ สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค เพื่อมองภาพเหล่านี้อย่างใกล้ชิดจากสารคดีตอน "Snake Invasion"
พฤหัสบดีที่ 27 และศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2543 ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. 21:00 น.
"Arctic Kingdom : Life at The Edge" วัฏจักรชีวิตแห่งขั้วโลกเหนือ
เดินทางไปสู่สุดเขตน้ำแข็งแห่งขั้วโลกเหนือ ดินแดนที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในช่วงฤดูหนาวและชีวิตกลับฟื้นคืนในฤดูร้อน หากแต่มีชีวิตอาศัยอยู่มากกว่าที่เราคาดคิดไว้ เป็นเวลาหกเดือนต่อปีที่ขั้วโลกเหนือถูกจองจำอยู่ในความมืดแห่งฤดูหนาวที่ไร้ที่สิ้นสุด ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ความมืดได้ล่าถอยไปและแสงแดดได้สาดส่องลงบนพื้นน้ำแข็งให้หลอมละลาย ปลดปล่อยให้น้ำพุแห่งชีวิตเป็นอิสระ ตลอดช่วงฤดูร้อน สรรพสัตว์ทั้งบนบกและในทะเลจะวุ่นวายอยู่กับการหาอาหาร เพื่อกักตุนไว้สำหรับช่วงเวลาหกเดือนแห่งความมืดมิดที่ย่างกรายเข้ามา
เมื่อหิมะโปรยปรายลงบนพื้นดินยามโพล้เพล้ อากาศที่หนาวเย็นจับขั้วหัวใจ ในขณะเดียวกับที่บริเวณขั้วโลกเหนือแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิดมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ดูราวกับว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะทนต่อสภาวะเช่นนี้ได้เลย สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ในตอน "Arctic Kingdom : Life at the Edge" จะแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมไปด้วยความเบิกบานของชีวิตทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ ในยามที่แสงอาทิตย์กลับมาเยือน
ไม่มีสถานที่แห่งใดเลยในแถบขั้วโลกเหนือที่จะมีความอัศจรรย์ของชีวิตไปยิ่งกว่า แลนแคสเตอร์ ซาวด์ ที่ คานาเดียน อาร์กติค ในฐานะที่เป็นประตูสู่โลกตะวันออกของเส้นทางสายตะวันตกเฉียงเหนือ ห่วงโซ่แห่งชีวิตได้เริ่มผลิบาน ยามที่แสงแดดทอแสงสาดส่องให้หิมะที่ปกคลุมทะเลที่กว้างใหญ่ได้หลอมละลายไป สัตว์ขนาดเล็กกลายเป็นอาหารของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า นกทะเลหลายล้านตัวออกหากินและทำรังในช่วงฤดูร้อน แล้วพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณก็เต็มไปด้วยชีวิตในท้องทะเล ภาพที่สวยงามของปลาวาฬสีขาวเบลูก้าที่หวนกลับคืนมาอีกครั้ง นกทะเลสร้างรัง ปลาวาฬนาร์วัลพร้อมด้วยงาที่แหลมคม แมวน้ำ และหมีขาวขั้วโลก ซึ่งเป็นเสมือนราชันย์แห่งสัตว์ทั้งปวงในดินแดนขั้วโลกเหนือ จะมาสร้างความหฤหรรษ์ให้กับท่านผู้ชมอย่างที่จะอดชื่นชมไม่ได้
กล้องของ สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ยังนำท่านผู้ชมดำดิ่งลึกลงไปใต้น้ำแข็งขั้วโลก เพื่อไปชมชีวิตใต้ทะเลที่มีสีสันสวยงาม แพลงตอนรูปร่างประหลาดและปะการังที่อ่อนนุ่ม ปลาดาวสีส้มสดใสรายล้อมดอกไม้ทะเลที่ออกดอกสะพรั่งอยู่ที่พื้นทะเล ฝูงแอมฟลิพอด สัตว์ขนาดจิ๋วที่มีลักษณะคล้ายกุ้ง ลอยเป็นแพอยู่ใต้ผืนน้ำแข็งเพื่อกินสาหร่ายสีน้ำตาลที่ปกคลุมผิวน้ำ ระบบนิเวศวิทยาใต้น้ำนี้ช่วยหล่อเลี้ยงให้ระบบชีวิตทั้งมวลในน้ำทะเลแถบขั้วโลกเหนือ
สถานที่อันสวยงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผืนทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก อยู่ห่างไกลจากการรุกรานของมนุษย์ โชคร้ายที่ลมแห่งฤดูหนาวกลับพัดพาเอายาฆ่าแมลงจากทวีปยูเรเซียมาสู่ห่วงโซ่อาหารแถบขั้วโลก และการขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้นแถบขั้วโลกแห่งนี้ก็ยังรบกวนการสื่อสารใต้น้ำระหว่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล
สำรวจโลกกับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ได้บันทึกภาพความหลากหลายของชีวิตที่แสนมหัศจรรย์ และความสมดุลย์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ