กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--Feel Good Together
บล.ทรีนีตี้ แนะนักลงทุนถึงเวลาซื้อหุ้นปันผล ชี้สถิติหุ้นปันผลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ทะยานแรงกว่าเดือนอื่น พร้อมเผยเคล็ดลับการส่องหุ้นปันผลที่มีประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทน ชี้ AP, TISCO เข้าเกณฑ์น่าสะสม
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์นักลงทุนควรให้น้ำหนักกับหุ้นปันผลเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นปันผลในดัชนี SETHD (SET High Dividend 30 Index)สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ถึง 3.2% นับเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด และสูงกว่าเดือนที่ปรับตัวรองลงมาอย่างเดือนมกราคม ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.9% ค่อนข้างมาก
สำหรับสาเหตุที่หุ้นปันผลสามารถสร้างผลตอบแทนในเดือนกุมภาพันธ์ดีที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่หลายบริษัทเตรียมประกาศจ่ายปันผล ทำให้นักลงทุนเข้ามาดักซื้อหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และมีโอกาสที่ หุ้นปันผลจะปรับตัวได้ดีกว่าหุ้นประเภทเน้นการเติบโต ที่ราคาเริ่มอยู่ในระดับสูงแล้วช่วงนี้
"แนวโน้มของหุ้นเติบโตปีนี้ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ ด้วยเพราะการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก ทำให้ความน่าสนใจของหุ้นปันผลปรับตัวลดลง แต่สำหรับเดือนกุมภาพันธ์นี้จะแตกต่างจากทุกเดือน เพราะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนจะเข้ามาดักหุ้นปันผลที่จะประกาศจ่ายปันผลและขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ" นายณัฐชาต กล่าว
ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นปันผลนั้น จะเน้นหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังสูงกว่า 4.2% ซึ่งเป็นระดับเงินปันผลคาดการณ์ล่าสุดประจำปี 2017 ของดัชนี SETHD
ขณะเดียวกันในแง่ราคาหุ้นทื่ซื้อขายในปัจจุบันจะต้องต่ำกว่าราคาเป้าหมายปีนี้ของนักวิเคราะห์ในตลาดอย่างน้อย 5% (Upside > 5%)
นอกจากนี้ยังต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในช่วง 5 ปีหลังสุดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี SETHD ที่ 3.2% รวมถึงจะต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือนนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
สุดท้ายควรเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีไปพร้อมๆกับความผันผวนของผลตอบแทนในอดีตที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งในทางคณิตศาสตร์จะวัดจากค่า Sharpe ratio โดยยิ่งมีค่า Sharpe ratio สูงยิ่งดี ปัจจุบันค่า Sharpe ratio ของดัชนี SETHD ในเดือนกุมภาพันธ์ช่วง 5 ปีหลังสุดอยู่ที่ 1.46 ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจจะต้องมีค่าสูงกว่า 1.46
นายณัฐชาตระบุว่า จากการศึกษาข้างต้น ฝ่ายวิเคราะห์พบหุ้นที่ได้ตามเกณฑ์คัดเลือกอยู่ทั้งสิ้น 2 บริษัท ประกอบด้วย หุ้น บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP ซึ่งเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 9.2% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 7 ปีหลังสุด มีSharpe Ratio ที่ 2.39 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 จากทั้งหมด 30 บริษัท และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside มากกว่า 20% จากราคาเป้าหมายของฝ่ายที่ 9.20 บาท
อีกบริษัทคือ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 6.5% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 8 ปีหลังสุด มีระดับ Sharpe Ratio ที่ 1.54 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside มากกว่า10% จากราคาเป้าหมายของฝ่ายที่ 70 บาท
สำหรับ หุ้นปันผลอื่นๆที่น่าสนใจรองลงมาตามเกณฑ์การคัดเลือกของฝ่ายวิเคราะห์ ประกอบด้วย AMATA , HANA , KTB , QH , SCC , SIRI , TCAP