กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) และ ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) คือตัวแทนของเรื่องราวความสำเร็จอันยอดเยี่ยมที่ ถือกำเนิดขึ้นจากสายการผลิตคุณภาพชั้นเลิศจากโรงงานปอร์เช่ Leipzig โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาเยนน์ (Cayenne) ในฐานะของรถสปอร์ต SUV คันแรกของปอร์เช่ ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวของรถยนต์ SUV ที่สามารถส่งมอบสมรรถนะในการขับขี่ระดับสูง รวมทั้งประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากสายพันธ์รถสปอร์ตของปอร์เช่ แม้ว่า ในอดีตอาจมีข้อสงสัยในความเป็นไปได้ของการเริ่มต้นโครงการนี้ก็ตาม แต่ปอร์เช่ยังคงมุ่งมั่นลงมือสร้างสรรค์ คาเยนน์ (Cayenne) รถยนต์รุ่นที่ก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนแปลงในแง่ของความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่แก่ปอร์เช่ รถยนต์อันมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มคุณค่าความนิยมในแบรนด์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จดังกล่าว ปอร์เช่ได้ทำการเปิดตัวรถรุ่นสุดพิเศษ คาเยนน์ แพลทตินั่ม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) รถสปอร์ต SUV ที่มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกคุณภาพสูงและฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ติดตั้งเป็นมาตรฐานแสดงออกถึงภาพลักษณ์สปอร์ตสุดขั้ว ผลงานชิ้นโบว์แดงที่ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของรถสปอร์ตพันธุ์แท้ในร่างของ SUV จากปอร์เช่
คาเยนน์ (Cayenne) และ มาคันน์ (Macan) แก่นแท้ความเป็นสปอร์ต SUV เพียงแรกเห็น
ส่วนประกอบมากมายที่หลอมรวมกันจนก่อกำเนิดเป็นรถสปอร์ต SUV อย่างแท้จริง เพียงแรกสายตาสัมผัส ผู้คนล้วนตระหนักถึงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปอร์เช่ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรืองานออกแบบภายนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปอร์เช่ 911 ยิ่งไปกว่านั้น นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ อัดแน่นอยู่ในตัวรถทุกส่วน คือสิ่งที่แสดงออกถึงเนื้อแท้ของความเป็นปอร์เช่โดยไม่ต้องสงสัย นับตั้งแต่ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ Porsche Dop-pelkupplung (PDK) หรือ ระบบ Porsche Traction Management (PTM) ล้วนแล้วแต่เป็นฟังก์ชั่นการทำงานพิเศษ อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะปอร์เช่เท่านั้น
รถสปอร์ต SUV ทั้ง 2 รุ่น สร้างความประทับใจในสมรรถนะด้วยการติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างประณีต พร้อมคุณสมบัติสำคัญที่ปอร์เช่ ไม่เคยละเลยนั่นคือ พละกำลังมหาศาลที่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานประหยัดอย่างเหลือเชื่อ ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ ทั้งการขับขี่บนถนนเรียบและเส้นทาง Off-road ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงที่บรรจุไว้ในรถสปอร์ต SUV อาทิ ระบบ Porsche Traction Management ซึ่งใช้แนวคิดในการทำงานลักษณะเดียวกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของปอร์เช่ 911 Carrera 4 (911 คาร์เรร่า 4) ผลลัพธ์ที่ได้คือการถ่ายทอดกำลังขับลงสู่พื้นถนนที่ยอดเยี่ยม พร้อมเสถียรภาพการยึดเกาะทุกเส้นทาง ส่งมอบความสนุกสนานเร้าใจและประสิทธิภาพในการขับขี่ควบคุมในสไตล์ของรถ ขับเคลื่อนล้อหลัง อันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวที่สามารถสัมผัสได้จากปอร์เช่ หัวใจสำคัญของสมรรถนะดังกล่าว คือสมองกลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งรับบทบาทในการควบคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบ map-controlled multi-plate clutch และ ระบบ Automatic Brake Differential (ABD) รวมทั้งระบบ Anti-Slip Regulation (ASR) นั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น คาเยนน์ (Cayenne) และ มาคันน์ (Macan) ยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ mechatronic สุดพิเศษอีกมากมาย อันรวมถึงระบบควบคุมช่วงล่างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Active Suspension Management (PASM) ระบบ adaptive damper control พร้อมช่วงล่างแบบถุงลม หนึ่งเดียวในรถยนต์รูปแบบใกล้เคียงกัน และระบบควบคุมแรงบิด Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการสรรสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการถ่ายทอดบุคลิกในการขับขี่ที่มีพื้นฐานมาจากประสิทธิภาพอันโดดเด่นของรถสปอร์ตให้แก่รถ SUV อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกันนี้ยังยกระดับความปลอดภัยใน เชิงป้องกัน หรือ active safety ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ได้แก่ การติดตั้งระบบ multi collision brake รุ่นใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่ เพื่อสมรรถนะสูงสุดในการทำงานของระบบเบรก
คาเยนน์ แพลทตินั่ม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition)
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) เวอร์ชั่นพิเศษ ประกอบด้วย คาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) และ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) ทั้ง 2 รุ่น ให้ภาพลักษณ์ภายนอกซึ่งบ่งบอกถึงความสปอร์ตที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนงานตกแต่งภายในห้องโดยสารสุดหรูจากเบาะนั่งสปอร์ตหนังแท้ปรับระดับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง คอนโซลกลางหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara ประทับตราสัญลักษณ์ปอร์เช่บริเวณหมอนรองศรีษะ โดยเวอร์ชั่นพิเศษ Platinum Edition ดังกล่าวจะวางจำหน่ายในระยะเวลาจำกัดเท่านั้นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหนือระดับมากมายล้วนได้รับการติดตั้งเพื่อเสริมอรรถประโยชน์และความปลอดภัย
ตัวอย่างของอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งใน คาเยนน์ แพลทตินั่ม อิดิชั่น (Cayenne Platinum Edition) ประกอบด้วย ไฟหน้าแบบ Bi-xenon พร้อมระบบ Porsche Dynamic Light System (PDLS) ระบบพวงมาลัย Power Steering Plus และระบบ Park Assist ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งไม่เพียงส่งสัญญาณเตือนเพื่อแสดงระยะห่างจากวัตถุกีดขวางหรือรถยนต์คันอื่นขณะจอดทั้งหน้ารถและท้ายรถเท่านั้น แต่ยังสามารถแสดงภาพกราฟฟิคของสภาพแวดล้อมโดยรอบตัวรถเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่จากหน้าจอแสดงผลบนคอนโซลกลางอีกด้วย กระจกมองข้างและกระจกมองหลังแบบตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กระจกประตูแบบ dark tinted privacy glass เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุดของผู้โดยสารตอนหลัง
ภายในห้องโดยสารบรรยากาศสุดแสนพิเศษของ คาเยนน์ (Cayenne) คือสิ่งที่ท่านสามารถสัมผัสได้ นับตั้งแต่แผงข้างประตูประดับด้วยชิ้นงานสเตนเลสสตีล ประทับตัวอักษร "Platinum Edition" หรือตัวอักษรชื่อรุ่นเรืองแสงสวยงามใน คาเยนน์ เอส อี-ไอบริด แพลทตินั่ม อิดิชั่น (Cayenne S E-Hybrid Platinum Edition) เพิ่มความหรูหรา นอกจากนี้สำหรับรุ่นพิเศษ Platinum Edition ยังได้รับการติดตั้งระบบสื่อสารและความบันเทิง Porsche Communication Management (PCM)รุ่นล่าสุด มาพร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบ Connect Plus module และระบบเสียงรอบทิศทางจาก BOSE®
ขุมพลังเครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ใน คาเยนน์ ดีเซล แพลทตินั่ม อิดิชั่น (Cayenne Diesel Platinum Edition) ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 262 แรงม้า (193 กิโลวัตต์) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงระหว่าง 14.7 - 15.1 กิโลเมตร/ลิตร (6.8 - 6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร) ตามมาตรฐาน NEDC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของยางที่ติดตั้งกับตัวรถ สำหรับ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) ให้พละกำลังสูงสุดถึง 416 แรงม้า (306 กิโลวัตต์) จากผลของการประสานงานอันไร้ที่ติของเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาดความจุ 3.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงทำให้มีอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงเพียง 29.4 - 30.3 กิโลเมตรต่อลิตร (3.4 - 3.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) เท่านั้น.