กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้วยระบบดิจิทัล นำร่องปี 2560 ให้ความรู้และบริการที่ปรึกษาการบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยีบิซิเนสอินเทลลิเจนท์ (Business Intelligence)หรือระบบรายงานผู้บริหารพร้อมให้ผู้ประกอบการใช้ซอฟท์แวร์ Power BI ฟรี ซึ่งระบบดังกล่าวจัดเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่สามารถช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านข้อมูล สามารถนำมาวิเคราะห์และแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและช่วยให้การตัดสินใจดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างแม่นยำ โดยในด้านการทำงานของซอฟท์แวร์ Power BI นั้นประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย เช่น ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real time ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ยอดขายและการตลาดเพื่อประเมินสถานการณ์และปรับกลยุทธ์ และสามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ได้หลายประเภท อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นต้น ทั้งนี้ ในปี 2560 ยังได้จับมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) นำซอฟท์แวร์ดังกล่าวเปิดให้ใช้ฟรีแก่ผู้ประกอบการนำร่องจำนวน 145 ราย คาดว่าจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและช่วยเพิ่มยอดขายในกิจการได้ คิดเป็นตัวเงินโดยเฉลี่ยกิจการละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 580 ล้านบาท และในขณะนี้ได้มีจำนวน SMEs/องค์กรธุรกิจที่ใช้งานซอฟท์แวร์Power BI ทั่วโลกแล้วกว่า 45,000 แห่งทั่วโลก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามกระแสเรื่องของ Big Data ในปัจจุบัน
นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หนึ่งในปัญหาตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่าผู้ประกอบการไทยยังใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีและดิจิทัลในการบริหารจัดการธุรกิจได้น้อย ดังนั้น ในปี 2560 กสอ. จึงได้เร่งวางแนวทางในการเน้นองค์ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยตื่นตัวมากขึ้น จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) นำระบบซอฟท์แวร์ Power BI (Business Intelligence) หรือซอฟท์แวร์รายงานผู้บริหาร มานำร่องให้บริการแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยซอฟท์แวร์นี้ประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย ได้แก่
- ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ผลดำเนินงานของบริษัทในแต่ละช่วงเวลาเพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือปรับเปลี่ยนนโยบายของผู้บริหาร
- ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real time ทั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน
- ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ยอดขายและการตลาด เพื่อประเมินสถานการณ์และปรับกลยุทธ์การขายหรือการตลาด
- ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์หรือบริการ งบกำไรขาดทุน เพื่อการวางแผนการขาย การตลาด การผลิตและคลังสินค้า
- ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อยอดขายของผลิตภัณฑ์และบริการ
- ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งขัน อัตราการแลกเปลี่ยน ต้นทุน ฯลฯ
สำหรับการทำงานซอฟท์แวร์ Power BI นั้น ถือเป็นซอฟท์แวร์ที่เหมาะกับธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะ สามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน ทั้งยังใช้งานร่วมกับไมโครซอฟท์เอ็กเซลที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คุ้นเคยและใช้เก็บข้อมูลของธุรกิจส่วนใหญ่ได้ รวมถึงยังสามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่หลากหลายมาทำการวิเคราะห์ เช่น Informix, ORACLE, MS SQL Server, MySQL, Access, Excel, Dbase, FoxPro, DB2 เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมความได้เปรียบของการดำเนินธุรกิจด้านการแข่งขันด้วยข้อมูล ลดภาระเรื่องเวลาและการใช้แรงงานในการทำรายงานผล ผู้ประกอบการสามารถนำเอาข้อมูลที่องค์กรมีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านการวิเคราะห์และแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้การตัดสินใจดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างแม่นยำและทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กสอ. ได้ทดลองนำซอฟท์แวร์ Power BI มาทดลองให้ผู้ประกอบการจำนวน 50 กิจการ ใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2559 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก แต่สามารถให้บริการได้จำนวนจำกัดเพียง 50กิจการเท่านั้น โดยผลจากการดำเนินงานนำร่องใช้ระบบดังกล่าวพบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และวางแผนด้านการบริหารธุรกิจ เช่น การลดต้นทุนของสต็อกวัตถุดิบซึ่งเกิดจากประมาณการสั่งวัตถุดิบได้ตรงกับความต้องการหรือช่วยให้ผู้บริหารมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งประสิทธิภาพดังกล่าวยังสามารถสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและและช่วยเพิ่มยอดขายในกิจการได้ คิดเป็นตัวเงินโดยเฉลี่ยกิจการละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทต่อปี และใน ปี 2560 กสอ. ยังคงดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งให้ความรู้ที่เข้มข้นขึ้นและบริการที่ปรึกษาการบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยีบิซิเนสอินเทลลิเจนท์ (Business Intelligence) พร้อมให้ใช้งานซอฟท์แวร์ Power BI ฟรีแก่ผู้ประกอบการจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 145 กิจการ โดยตั้งเป้าช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและช่วยเพิ่มยอดขายในกิจการได้ คิดเป็นตัวเงินเฉลี่ยกิจการละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 580 ล้านบาท นอกเหนือจากนี้กสอ. ยังเร่งการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจผ่านโครงการต่าง ๆ ด้วยงบประมาณกว่า 30 ล้านบาท อาทิ โครงการส่งเสริม SMEs ใช้ระบบ ERP by DIP โครงการส่งเสริม SMEs ใช้ Social Media เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ โครงการส่งเสริม SMEs ใช้ระบบ e-Supply Chain เพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจ และโครงการส่งเสริม SMEs ทำธุรกิจในรูปแบบ B2B ผ่านเว็บไซต์ Alibaba.com ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องตระหนักเสมอว่ากลไกเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ จะไม่ได้เป็นแค่ส่วนสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่จะเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญต่อกระบวนการผลิต การค้า การบริการ การวิเคราะห์ข้อมูล และกระบวนการทางสังคมอื่น ๆ ที่จะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังจะช่วยผู้ประกอบการ ลดต้นทุนในการทำการตลาด ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน และช่วยจัดระบบให้กับงานเอกสารที่จะทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นปัจจัยเอื้อที่ส่งเสริมแนวทางในการดำเนินงานที่มีความชัดเจน ส่งผลถึงการปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ ให้เกิดความแข็งแกร่งทางธุรกิจได้ต่อไป นายพรเทพ กล่าวปิดท้าย
ด้านผศ.ดร.จิรพล สังข์โพธิ์ รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ Power BIนั้นปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจในธุรกิจของตนเองมากขึ้น เนื่องจากทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึก ทั้งในเรื่องค่าใช้จ่าย การลด-เพิ่มปริมาณสินค้าและวัตถุดิบ ทราบถึงผลกำไรและการขาดทุน เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการที่ใช้โปรแกรมนี้ส่วนใหญ่แล้วจะทราบคำตอบและตัดสินใจได้ทันทีว่าจะพาธุรกิจของตนไปในทิศทางใด สำหรับการนำซอฟต์แวร์ Power BI มาใช้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในขณะนี้ได้เข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว ผลจากการทดลองใช้พบว่า กว่า 90 % ของผู้ประกอบการรู้สึกพึงพอใจและได้รับประโยชน์โดยตรง โดยเฉพาะด้านการเพิ่มยอดขายและการลดต้นทุนในการผลิต นอกจากนี้ยังมีการจัดลำดับจากหลายๆสถาบันว่า ซอฟต์แวร์ Power BI เป็นโปรแกรมที่ถูกจัดให้อยู่ในลำดับต้นๆ ของโปรแกรมประเภทเดียวกันและได้รับการยอมรับจากหลายๆองค์กรทั่วโลก ดังนั้น ความน่าเชื่อถือในการนำมาใช้ในการจัดการการดำเนินธุรกิจจึงถือว่ามีอยู่สูง อย่างไรก็ดี ตนยังมีความเห็นว่า ซอฟต์แวร์Power BI มีความคุ้มค่าอย่างมาก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่อการใช้งานเฉลี่ยเพียงเดือนละ 350 บาท แต่สามารถทราบได้ถึงข้อมูลเพื่อการดำเนินธุรกิจทได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งมั่นใจว่าในอนาคต โปรแกรมประเภทดังกล่าวจะยิ่งทวีคูณความสำคัญ และหากผู้ประกอบการรู้จักที่จะนำมาปรับใช้ได้ก็จะยิ่งเสริมความได้เปรียบทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่นายพรชัย รัตนตรัยภพ ประธานเครือข่าย DIP SMEs Network กล่าวว่า การตัดสินใจในลำดับขั้นต่อ ๆ ไปของการดำเนินธุรกิจในขณะนี้จะไม่สามารถใช้ประสบการณ์เพียงอย่างเดียวมาเป็นตัวชี้วัดได้แล้ว แต่จะต้องอาศัยข้อมูลและสถิติต่าง ๆ มาใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ซึ่งซอฟท์แวร์ Power BI ถือเป็นโปรแกรมที่ช่วยตอบโจทย์ให้กับทุกองค์กรได้อย่างมาก ด้วยการใช้งานที่ง่ายและค่าใช้จ่ายเพียงหลักร้อยบาทต่อเดือน สามารถวิเคราะห์ผลดีผลเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านหน้าจอแล้วแก้ไขปรับปรุงได้ทันที โดยภายในโปรแกรมยังสามารถเห็นได้ถึงทุกมิติขององค์กรที่จะทำให้รู้ว่าจุดใดอ่อน จุดใดแข็ง ลดเวลาในการจัดทำข้อมูล เข้าถึงการใช้งานได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา กล่าวโดยภาพรวมคือ Power BI เป็นเสมือนเลขาที่คอยแจ้งความคืบหน้าให้ผู้ประกอบการรู้จักเตือนตัวเอง ซึ่งผลจากการตัดสินใจและการแก้ไขต่าง ๆ ที่ได้นั้นจะช่วยก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับกิจการอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาการจัดการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร 0 2202 4525 , 0 2202 4532 หรือ www.digitalforsme.com