กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--IR network
บลจ.ทาลิส โชว์ความสามารถหลังเปิดให้บริการเป็นปีแรก ทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) แตะ 4,300ล้านบาท ทะลุเป้า 4 พันล้านบาท บิ๊กบอส "ฉัตรพี ตันติเฉลิม" ปลื้มใจที่นักลงทุนให้ความไว้วางใจ วางเป้าป'60 AUM ทะลุ 7,000 ล้าน เตรียมเสนอขายกองทุนใหม่อีกหลายกองทุน ตอบโจทย์ทุกความต้องการลงทุน ขณะที่ "ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์" มองแนวโน้ม เศรษฐกิจไทยปี'60 ดีกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย อานิสงส์ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง รัฐเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แนะจับตานโยบายเศรษฐกิจสหรัฐใกล้ชิด คาด SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,450-1,800 จุด
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2559 ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน โดยหลังจากเปิดให้บริการบริหารกองทุนอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ทั้งในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) และกองทุนรวม (Mutual Fund) รวมทั้งสิ้นประมาณ4,300 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯตั้งไว้ที่ 4,000 ล้านบาท โดยในส่วนกลุ่มธุรกิจ Private Fund AUM ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ 3,200 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ที่ 3,000 ล้านบาท และจนถึงขณะนี้ยังคงมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาขอรับคำปรึกษา และไว้วางใจให้บริษัทฯบริหารกองทุนส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกองทุนรวมที่บริษัทฯ เสนอขายหน่วยลงทุนแก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายในการลงทุนในปัจจุบัน ได้แก่ กองทุนเปิดทาลิสตลาดเงิน (TLMMF) และกองทุนเปิดทาลิส ตลาดเงิน เพื่อการเลี้ยงชีพ (TLMMRMF) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐหรือภาคเอกชน เงินฝากธนาคาร ที่มี credit rating ระยะสั้นอยู่ใน 2 อันดับแรกและระยะยาวอยู่ใน 3 อันดับแรกตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด ซึ่งมีปัจจัยความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย สภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ สำหรับกองทุนรวมตราสารแห่งทุน กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน (TLMSEQ) มีนโยบาย เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจสูง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนกองทุนเปิดทาลิส หุ้นทุน (TLEQ) และกองทุนเปิดทาลิส หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ (TLEQRMF) เน้นลงทุนในตราสารทุนของหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมุ่งหวังผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับจากเงินปันผล หรือกำไรส่วนเกินทุนจากการลงทุนนั้น และกองทุนเปิดทาลิสหุ้นระยะยาว (TLLTFEQ) เน้นลงทุนในตราสารทุนของหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน , สำหรับกองทุนเปิดทาลิสเฟล็กซิเบิ้ล (TLFLEX) และ กองทุนเปิดทาลิส เฟล็กซิเบิ้ล เพื่อการเลี้ยงชีพ (TLFLEXRMF) เป็นกองทุนรวมผสม เปิดกว้างให้สามารถกระจายการลงทุนได้ทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนสามารถพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์และสภาพตลาดในแต่ละขณะ ซึ่งกองทุนรวมตราสารแห่งทุนและกองทุนรวมผสมมีปัจจัยความเสี่ยงทางตลาด ธุรกิจ และสภาพคล่อง, ทั้งนี้ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม ก่อนตัดสินใจลงทุน และสามารถขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. ทาลิส หรือ www.talisam.co.th
"ในปีแรกของการดำเนินธุรกิจบริหารกองทุนของเราถือว่า ประสบความสำเร็จและเป็นที่พึงพอใจของลูกค้า ทั้งนี้ ในปี 2560 บริษัทฯ มีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ๆ ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายและกระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยตั้งเป้าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ระดับ 7,000 ล้านบาท พร้อมทั้งจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเดิมให้มั่นคง"นายฉัตรพีกล่าวในที่สุด
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทยในปี 2560 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยปัจจัยภายนอกประเทศยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา และการดำเนินนโยบายที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งหากมีการนำมาใช้และจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างไร
"ปัจจัยภายนอกประเทศยังเป็นอะไรที่น่าเป็นห่วง ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวทางนโยบายของประเทศสหรัฐฯ ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐก็มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2560 "นายประภาสกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกทั้งจากความชัดเจนในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทั้งการเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ดำเนินการมาในช่วงปลายปี 2559 และจะต่อเนื่องมากขึ้นในปี 2560 รวมถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ และการเดินหน้าเพิ่มการลงทุนของภาคเอกชนที่คาดว่าจะมีมากขึ้นด้วย
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2560 คาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,450 –1,800 จุด และมีแนวโน้มที่จะปิดในระดับที่สูงกว่าปี 2559 ที่ผ่านมา