กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--
"Priceza" ผู้ให้บริการเครื่องมือค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคา (Shopping Search Engine) อันดับ 1 ของประเทศไทย จัดงาน "Priceza Awards 2016" มอบรางวัลให้กับ 21 สุดยอด อีคอมเมิร์ซ โดยมีผลการตัดสินมาจากการสำรวจข้อมูลความนิยมของผู้ใช้ Priceza กว่า 8 แสนคน รวมถึงคะแนนความพึงพอใจในการให้บริการของแต่ละร้านค้า พร้อมเปิดเทรนด์ E-Commerce 2017 จาก "กูรู" ระดับประเทศ เผยเทคนิคเพื่อเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการ SMEs และร้านค้าออนไลน์ พร้อมแนะกลยุทธ์ครองใจผู้บริโภค Gen-M
นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด เปิดเผยถึงการมอบรางวัล "Priceza Awards 2016" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกว่า หลังจากที่ Priceza เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 8 ด้วยการทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ชั้นนำที่หลากหลาย และเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อได้ดีที่สุด ทั้งในด้านของราคาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ โดยในประเทศไทยมีผู้เข้าใช้บริการมากกว่า 9 ล้านรายต่อเดือน และมีสินค้ามากกว่า 10 ล้านชิ้นในระบบ ทำให้มีฐานข้อมูลสินค้าและบริการ รวมถึงความต้องการผู้ซื้อที่มีขนาดใหญ่และครอบคลุมมากที่สุดในขณะนี้
"จากฐานข้อมูลของผู้เข้าใช้บริการ Priceza ที่มากกว่า 100 ล้านครั้งต่อปี ทำให้เรารู้ว่านักช้อปออนไลน์นิยมเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าจากร้านใดบ้าง รู้ว่าในแต่ละช่วงเวลามีสินค้าอะไรที่นักช้อปนิยมค้นหามากที่สุด มีร้านค้าใดได้รับการยอมรับในแง่ของคุณภาพสินค้าและบริการที่ดี โดยพิจารณาจากรีวิวข้อเสนอแนะ รวมไปถึงการสำรวจข้อมูลความนิยมจากผู้ใช้บริการและสมาชิกของเรารวมกว่า 8 แสนคน เพื่อให้คะแนนกับร้านค้าที่ชื่นชอบ เพราะวันนี้เราเชื่อมั่นว่าในตลาดอีคอมเมิร์ซนั้นการมีตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้เปรียบเทียบและตัดสินใจยิ่งเยอะยิ่งดี และเพื่อร่วมกันสนับสนุนให้ตลาด E-commerce ของไทยเป็น Eco-System ที่มีความแข็งแกร่ง เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวที Priceza Awards นี้จะเป็นการผลักดันเพื่อให้ร้านค้าพัฒนาการให้บริการของตนเอง ส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค"
CEO Priceza ยังย้ำว่า วันนี้ตลาด E-commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มี GMV (Gross Merchandise Value) สูงที่สุดในกลุ่ม และคาดว่าในปี 2017 มูลค่าการซื้อขายจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 20 อันเนื่องมาจากการเข้าถึงการใช้งานเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาและลงทุนในระบบ e-payment ในแพลทฟอร์มต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจ E-commerce ไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับ Priceza Awards ประจำปี 2016 มีดังนี้ รางวัลชนะเลิศประเภท Top Marketplace ได้แก่ Lazada, รางวัลชนะเลิศประเภท Top Corporate Seller ได้แก่ ShopAt24, รางวัลชนะเลิศประเภท Top Grocery Retailer ได้แก่ Tesco Lotus, รางวัลชนะเลิศประเภท Top Home & Decor Seller ได้แก่ Directtoshop by Homepro,
สำหรับรางวัลประเภท Top SME Seller แบ่งออกเป็น 5 ประเภทสินค้า โดย รางวัลชนะเลิศประเภทสินค้า IT ได้แก่ tohome, รางวัลชนะเลิศประเภทสินค้า Fashion ได้แก่ Ookbee Mall, รางวัลชนะเลิศประเภทสินค้า Beauty ได้แก่ Beauticool, รางวัลชนะเลิศประเภทสินค้าหนังสือ ได้แก่ Kinokuniya และ รางวัลชนะเลิศประเภทสินค้ากีฬาได้แก่ TV Direct
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มและทิศทางของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปี 2017 ในเวที "Get Ready for E-Commerce Trends 2017" ว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีสัดส่วนยอดขายธุรกิจออนไลน์อยู่ที่ 2-3 % เมื่อเทียบกับค้าปลีก ซึ่งในความเป็นจริงสามารถเติบโตได้ถึง 10 % และคาดว่าใน 3-4 ปี นี้ทั้งบริการ E-wallet และ E-money จะขยายตัวมากขึ้น โดยโทรศัพท์มือถือจะกลายเป็นกระเป๋าเงินของผู้บริโภค
จุดสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้ E-wallet และ E-money มากขึ้นก็คือการมีค่าธรรมเนียมการชำระเงินที่ต่ำ ซึ่งถ้าสามารถปลดล็อคตรงนี้ได้คาดว่าภายใน 2 ปีก็จะติดตลาด และทำให้คนหันมาใช้บริการกันมากขึ้น ก็จะสามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ชให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น" นายวรวุฒิอธิบาย
"เชื่อว่าในปีนี้เรื่องของระบบ E-payment ที่เข้ามารวมไปถึง ระบบโลจิสติกส์ ที่รวดเร็วจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ชของไทยให้มีการเติบโตมายิ่งขึ้น รวมไปถึงการเข้ามาขยายการลงทุนของ market place ยักษ์ใหญ่หลายๆ ราย ก็จะเป็นโอกาสและช่องทางในการขายสินค้าให้กับร้านค้าต่างๆ เพิ่มมากขึ้น" CEO Priceza กล่าวสรุป ปัจจุบัน Priceza เป็นผู้นำการให้บริการเครื่องมือค้นหาสินค้าและการเปรียบเทียบราคา (Shopping Search Engine) ในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้บริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยมีผู้ใช้เข้าบริการรวมมากกว่า 13 ล้านรายต่อเดือน โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการจับคู่และสร้างให้เกิดการซื้อ-ขายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในราคาที่ยุติธรรม ผ่านกลไกการแข่งขันทางการตลาดที่สมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้ทุกการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้รับประโยช
น์สูงที่สุด.