กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
วันนี้ (วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560) เวลา 10.00 น. นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แถลงข่าวการตรวจยึดเกล็ดลิ่นลักลอบผ่านแดนจาก ทวีปแอฟริกา จำนวน 2.9 ตัน มูลค่าประมาณ 29 ล้านบาท ณ กรมศุลกากร คลองเตย
สถานการณ์การลักลอบค้าลิ่นและเกล็ดลิ่นในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลิ่นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ครั้งที่ 17 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 5 ตุลาคม 2559 ณ นครโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับระดับลิ่นขึ้นเป็นสัตว์ในบัญชี 1 ของอนุสัญญา CITES ซึ่งห้ามนำเข้า ส่งออก และนำผ่านอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับงาช้าง นอแรด เสือ โดยให้มีผลบังคับเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 และได้มีข้อตัดสินใจที่กำหนดให้มีการบังคับใช้กฎหมายในการจัดการการค้าลิ่นผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด และเสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและระหว่างประเทศ เพื่อร่วมมือในการดำเนินการและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเส้นทางการค้า รูปแบบ และการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อสู้กับการค้าลิ่นผิดกฎหมาย
ด้วยเหตุนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรจึงได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยและโลก ด้วยการดำเนินการตามมติที่ประชุมของภาคีอนุสัญญา CITES โดยให้กรมศุลกากรบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทั้งได้สั่งการมอบหมายให้นายไพศาล ชื่นจิตร ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายวรวุฒิ วิบูลย์ศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นายสรศักดิ์ มีนะโตรี ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเดชา วิชัยดิษฐ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม และนายเชาวน์ ตะกรุดเงิน หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 ร่วมกันวางแผนสกัดกั้นขบวนการลักลอบลิ่นและเกล็ดลิ่นผิดกฎหมาย
จากการประสานความร่วมมือของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้มีการบูรณาการการข่าวและการสืบสวนติดตามขบวนการลักลอบค้าเกล็ดลิ่นข้ามชาติในเส้นทางเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และทราบว่าจะมีการลักลอบนำเกล็ดลิ่นจากประเทศคองโกผ่านประเทศไทย อ้างว่าเป็นสินค้าผ่านแดนไป สปป.ลาว ข้อเท็จจริงปรากฏ ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 เที่ยวบินที่ TK064 เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าสำแดงชนิดสินค้าเป็น SCALES (เกล็ด) จำนวน 24 หีบห่อ น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม ขนส่งจากเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ด้วย ผ่านประเทศตุรกีและประเทศไทย ปลายทางเวียงจันทน์ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยด้วยการเอ็กซเรย์ ผลปรากฏพบ เกล็ดลิ่น น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม
2. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 เที่ยวบินที่ TK064 เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าสำแดงชนิดสินค้าเป็น SCALES (เกล็ด) จำนวน 10 หีบห่อ น้ำหนัก 500 กิโลกรัม ขนส่งจากเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ด้วย ผ่านประเทศตุรกีและประเทศไทย ปลายทางเวียงจันทน์ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยด้วยการเอ็กซเรย์ ผลปรากฏพบ เกล็ดลิ่น น้ำหนัก 500 กิโลกรัม
3. เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 เที่ยวบินที่ TK064 เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าต้องสงสัยอีก 1 รายการ สำแดงชนิดสินค้าเป็น SCALES (เกล็ด) จำนวน 24 หีบห่อ น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม โดยใช้เส้นทางเช่นเดียวกับคดีข้างต้น และทำการตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยด้วยการเอ็กซเรย์ ผลปรากฏพบ เกล็ดลิ่น น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม
หลักการของอนุสัญญา CITES การส่งออกสัตว์ตามบัญชี 2 จะต้องได้รับใบอนุญาต CITES จากประเทศ ผู้ส่งออกและรับรองว่าไม่กระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ในธรรมชาติ หากไม่มีการอนุญาตส่งออกจะไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศปลายทางได้ ซึ่งทั้ง 3 กรณีข้างต้น ตัวแทนออกของไม่สามารถนำใบอนุญาต CITES ตัวจริงมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ประกอบกับต้นทางของสินค้าเป็นประเทศเสี่ยงในการลักลอบเกล็ดลิ่น เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดสินค้าทั้งหมดเพื่อนำไปตรวจสอบโดยละเอียด โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยัง สปป.ลาว เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งต่อมาได้รับการยืนยันว่าไม่มีการออกใบอนุญาตนำเข้าเกล็ดลิ่นแต่อย่างใด และสำนักงานเลขาธิการ CITES ได้ประสานงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตส่งออก ผลการตรวจสอบพบว่าสำเนาใบอนุญาตส่งออกนั้นไม่ถูกต้อง พร้อมให้สืบสวนข้อเท็จจริงในการออกใบอนุญาตส่งออกดังกล่าว
กรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พระพุทธศักราช 2469 ประกอบมาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 นำผ่านสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่าหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 23 และมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเกล็ดลิ่นทั้งหมดไว้เป็นของกลาง สำนวนคดีส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน กรมศุลกากรได้เคยตรวจยึดเกล็ดลิ่นจากทวีปแอฟริกามาแล้ว จำนวน 9 คดี น้ำหนักของกลางรวม 3.4 ตัน มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท คดีส่วนใหญ่มีต้นทางจากประเทศไนจีเรีย ผ่านประเทศตุรกี ประเทศไทย เพื่อไปยังปลายทาง สปป.ลาว