กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เตือนนักลงทุนต้องจับตาความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปเนื่องจากในปีนี้มีกำหนดการเลือกตั้งที่สำคัญในหลายประเทศ และมีโอกาสที่ฝ่ายขวาจะขึ้นมามีอำนาจ เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความผันผวน บวกกับความไม่แน่นอนในการเจรจา Brexit จึงคงคำแนะนำลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit: TISCO ESU) กล่าวว่า ความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตามองในปีนี้ เนื่องจากมีกำหนดการเลือกตั้งที่สำคัญในหลายประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ความเสี่ยงทางการเมืองเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หลังศาลรัฐธรรมนูญอิตาลีตัดสินให้กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ซึ่งกลายเป็นการเปิดทางให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ในปีนี้ ภายหลังคำตัดสินดังกล่าวแกนนำพรรค Five Star Movement (M5S) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีนโยบายต่อต้านยุโรป เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งในทันที ในขณะที่โพลล่าสุดชี้ว่าพรรค PD ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันยังมีคะแนนสูสีกับพรรค M5S
ด้านการเมืองฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายเดือน เม.ย. ก็มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนาย Francios Fillon ซึ่งเป็นตัวเต็งประธานาธิบดีถูกกล่าวหาว่าแต่งตั้งภรรยาและลูกเป็นผู้ช่วย ซึ่งทำให้มีการจ่ายเงินภาษีเพื่อเป็นค่าตอบแทบราว 1 ล้านยูโร อย่างไม่ถูกต้อง โดยนาย Fillon กล่าวว่าเขาจะยุติการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หากคดีดังกล่าวมีการเริ่มสืบสวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ต้นสังกัดพรรค Republicans ต้องสรรหาตัวแทนผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่
โดย โพลล่าสุดชี้ว่านาย Francios Fillon ยังเป็นตัวเต็งผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มีคะแนนนำนาง Marine Le Pen ซึ่งชูนโยบายต่อต้านยุโรป อยู่ค่อนข้างห่างที่ 65% ต่อ 35% อย่างไรก็ดี คดีความของนาย Fillon อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนตัวผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจส่งผลให้ นาง Marine Le Pen มีคะแนนนิยมสูงขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรป
ในขณะที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้ในสหภาพยุโรป เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือรอบใหม่ก็ยังมีอุปสรรค เนื่องจากกรีซยังไม่สามารถดำเนินการลดค่าใช้จ่ายและปฏิรูปเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมายที่เจ้าหนี้ตั้งไว้ โดยกรีซมีหนี้ก้อนใหญ่ที่จะครบกำหนดชำระในเดือน ก.ค. ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
เรายังคงคำแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในยุโรป เนื่องจากความเสี่ยงทางการเมืองทั้งจากการเลือกตั้งในหลายประเทศ และการเริ่มเจรจา Brexit ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปไปตลอดทั้งปี