กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ที่ 'BBB+' และ 'AAA(tha)' ตามลำดับ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ TLI สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดี นโยบายการกำหนดราคาที่ระมัดระวัง อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับที่สอดคล้องกับตลาด เครือข่ายธุรกิจที่ขยายตัว ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สม่ำเสมอ และระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ฟิทช์เชื่อว่า Meiji Yusuda Life Insurance Company หรือ MYL (มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลที่ 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นใน TLI ที่ 15% จะสามารถให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและการดำเนินงาน รวมถึงเพิ่มโอกาสให้ TLI สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าญี่ปุ่นของ MYL ในประเทศไทย
TLI ยังคงรักษาตำแหน่งการเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทยในด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 14.1% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2559 โดยตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งนี้มีปัจจัยสนับสนุนจากเครือข่ายธุรกิจที่ดำเนินการมายาวนานและเครือข่ายตัวแทนขายประกันที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ดังนั้น บริษัทจึงมีรายได้จากช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายประกันคิดเป็น 76% ของรายได้ค่าเบี้ยประกันรวม และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับที่สองของประเทศไทย สำหรับช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายประกัน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2559
TLI มีโครงสร้างเงินกองทุนที่แข็งแรงโดยสะท้อนจากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฏหมาย (Risk-based capital – RBC) ที่ 376% และ 313% ณ สิ้นปี 2558 และ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2559 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าระดับขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่ 140% อยู่มาก แต่ทั้งนี้ผลการประเมินระดับความแข็งแกร่งในด้านเงินกองทุนตามการประมาณการของ Prism Factor-Based Capital Model (Prism FBM) ถูกปรับลดลงหนึ่งระดับมาเป็นระดับ "แข็งแกร่งมาก" ('Very Strong') โดยพิจารณาจากข้อมูลผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2559 เนื่องจากบริษัทมีหนี้สิ้นประกันชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและสัดส่วนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในตราสารทุนและหุ้นกู้เอกชน และฟิทช์ยังคาดว่าผลการประเมินระดับความแข็งแกร่งในด้านเงินกองทุนของ TLI สำหรับผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2559 จะยังคงอยู่ในระดับ "แข็งแกร่งมาก" ('Very Strong') เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง
TLI มีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องเป็นส่วนใหญ่ โดยเงินลงทุนในตราสารหนี้ เงินสด และเงินฝาก มีสัดส่วนประมาณ 82% ของสินทรัพย์ลงทุน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2559 แม้ว่าการลงทุนในตราสารทุนจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่ยังคงถูกจำกัดในสัดส่วนประมาณ 10% ของสินทรัพย์ลงทุน ฟิทช์เชื่อว่า TLI จะรักษากลยุทธ์การลงทุน และความสมดุลระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนและความเสี่ยงจากการลงทุนอย่างระมัดระวังภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบัน
ฟิทช์คาดว่า TLI น่าจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากนโยบายการกำหนดราคาที่ระมัดระวังและจากรายได้จากการลงทุนที่สม่ำเสมอ โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยระหว่างปี 2556 – 2558 ที่ 2.4% ซึ่งเทียบเคียงได้กับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม (Peers) เบี้ยประกันภัยรับของบริษัทเติบโตในระดับปานกลางที่ประมาณ 10% ต่อปี (Annualised) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2559 สูงกว่าอัตราการเติบโตคาดการณ์เฉลี่ยทั้งอุตสาหกรรมซึ่งคาดการณ์โดยสมาคมประกันชีวิตไทยที่ 7% ในปี 2559
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและภายในประเทศของ TLI ถูกปรับลดอันดับ ได้แก่ การปรับตัวลดลงของสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 250% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง และการปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่ต่ำกว่า 1% นอกจากนี้ การปรับตัวแย่ลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งประเมินจากแบบจำลอง Prism FBM อาจส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิตได้เช่นกัน
หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency IDR) ของประเทศไทยที่ 'BBB+'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพถูกปรับลดอันดับลง ฟิทช์น่าจะพิจารณาปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของ TLI ลงเช่นกัน
การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ TLI ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทย และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศปัจจุบันก็เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว