กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 3จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และพัทลุง รวม 6 อำเภอ 24 ตำบล 83 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ3,412 ครัวเรือน 11,269 คน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรเร่งฟื้นฟูพื้นที่ ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 129 อำเภอ 835 ตำบล6,307 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 587,544 ครัวเรือน 1,815,618 คน ผู้เสียชีวิต 96 ราย ถนน 4,314 จุด คอสะพาน 348 แห่ง ท่อระบายน้ำ 270 แห่ง ฝาย 126 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สถานที่ราชการเสียหาย 165 แห่ง โรงเรียน 2,336แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 9 จังหวัด ได้แก่ ระนอง กระบี่ ตรัง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสงขลา ยังคงมีสถานการณ์ใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และพัทลุง รวม6 อำเภอ 24 ตำบล 83 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,412 ครัวเรือน 11,269 คน โดยนครศรีธรรมราช มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากพนัง และอำเภอเชียรใหญ่ รวม 13 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,050 ครัวเรือน 4,100 คน ประชาชนอพยพ 35 ครัวเรือน 175 คน ผู้เสียชีวิต 28 ราย สุราษฎร์ธานี มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพุนพิน และอำเภอบ้านนาเดิม รวม 8 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,725 ครัวเรือน 5,192 คน ผู้เสียชีวิต 15 ราย พัทลุง มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนขนุน และอำเภอเมืองพัทลุง รวม 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 637 ครัวเรือน 1,977 คน ผู้เสียชีวิต 12ราย ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์ สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยที่ครอบคลุมทั้งด้านการดำรงชีพ ชีวิต และทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และสิ่งสาธารณประโยชน์ อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนน้อยในระยะนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้จึงได้ประสานให้จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยเร่งระบายน้ำและผลักดันน้ำออกสู่ทะเล รวมถึงบูรณาการการเคลื่อนย้ายกำลังคนและวัสดุอุปกรณ์จากพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายไปประจำจุดเฝ้าระวังในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำหรือสันดอนกลางน้ำ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ และจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยในการแก้ไขปัญหา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป