กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
ก.ล.ต.นับหนึ่งแบบไฟล์ลิ่ง บมจ.มัดแมน หรือ MM ผู้นำธุรกิจอาหารและไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับโลก เตรียมเสนอขายหุ้น IPOจำนวน 210,980,750 หุ้น คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ได้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์จากต่างประเทศ (ดังกิ้น โดนัท, โอ บอง แปง และบาสกิ้น ร็อบบิ้นส์) และที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ของตนเอง (เกรฮาวด์ คาเฟ่ และครัวเอ็ม) ตลอดจนธุรกิจไลฟ์สไตล์ เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับภายใต้แบรนด์ 'เกรฮาวด์' โดยตั้งเป้าหมายก้าวเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างยั่งยืน
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 210,980,750 หุ้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นและแบบไฟล์ลิ่งของ บมจ. มัดแมน เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ บมจ.มัดแมน ถือเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับโลก โดยดำเนินธุรกิจในลักษณะโฮลดิ้ง คอมปานี ที่เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัทย่อย ในกลุ่มธุรกิจ 2 ประเภท คือ 1.ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์กับต่างประเทศ ได้แก่ ดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ และที่ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ และครัวเอ็ม 2.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ 'เกรฮาวด์' ได้แก่ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับรวมถึงร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ 'เกรฮาวด์'
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า ปัจจุบัน บมจ.มัดแมน มีทุนจดทะเบียน 1,054,903,750 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,054,903,750 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยทุนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 843,923,000 บาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 210,980,750 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งแบ่งการเสนอขายหุ้น IPO เป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรกจะเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) ("SST") ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MM ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน SST (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 105,490,375 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และ ส่วนที่สองจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ไม่เกิน 105,490,375 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SST
โดยภายหลังจากที่ ก.ล.ต. อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก บริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะร่วมกันกำหนดวันและราคาเสนอขายหุ้น IPO ต่อไป และคาดว่าจะนำ บมจ.มัดแมน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดย บมจ.มัดแมนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและดำเนินงานทั่วไปของบริษัทฯ ใช้ชำระคืนเงินกู้ธนาคาร และลงทุนขยายธุรกิจ เช่น การขยายสาขาใหม่ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ปรับปรุงภาพลักษณ์สาขาเดิม ตลอดจนการขยายช่องทางกระจายสินค้าและการนำเสนอร้านค้ารูปแบบใหม่ เป็นต้น
ด้านนายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มัดแมน หรือ MM กล่าวว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจไลฟ์สไตล์ของบริษัทฯ มีสาขารวม 439 สาขา แบ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์กับต่างประเทศจำนวน 3 แบรนด์ ได้แก่ 1.ดังกิ้น โดนัท จำนวน 296 สาขา เพื่อผลิตและจำหน่ายโดนัทและเครื่องดื่มที่เน้นกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับกลางถึงบน รวมถึงมีบริการจัดเลี้ยงและออกร้าน 2.โอ บอง แปง จำนวน 71 สาขา เพื่อจำหน่ายเบเกอรี่ แซนด์วิช สลัด ซุป ที่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ จำหน่ายกาแฟระดับพรีเมียมรวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ และ 3.บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ มีจำนวน 31 สาขา จำหน่ายไอศกรีมนำเข้าระดับพรีเมียมที่คนไทยเข้าถึงได้ โดยบริษัทฯ มีแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและพัฒนารูปแบบร้านที่ดึงดูดและตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค
ส่วนธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ตนเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ มีจำนวน 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาในไทยที่บริษัทฯ ลงทุนเอง 13 สาขา และสาขาในต่างประเทศที่เป็นรูปแบบการขายแฟรนไชส์ในฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่งและมาเลเซีย รวม 11 สาขา โดย เกรฮาวด์ คาเฟ่ แบ่งร้านอาหารเป็น 3 แบรนด์ ประกอบด้วย แบรนด์ ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ (Greyhound Cafe) มีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ เน้นเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ภายใต้คอนเซ็ป "Simple with Creative Twist" หรือ ความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยลูกเล่น ความสร้างสรรค์และความสนุกสนาน รวมถึงแบรนด์ ร้านอนาเธอร์ ฮาวด์ (Another Hound Cafe) ที่มีสาขาในไทย เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนทำงานที่มีรายได้สูง สะท้อนไลฟ์สไตล์ที่พิถีพิถันในการใช้ชีวิตของคนเมือง ภายใต้คอนเซ็ป "Accessible Stylish Casual Italian with Asian Twist" ส่วนแบรนด์ร้านครัวเอ็ม จะดำเนินธุรกิจรับบริหารศูนย์อาหารในโรงพยาบาล (Cafeteria) และบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยใน (IPD Food Services) โดยเริ่มต้นดำเนินธุรกิจดังกล่าวที่โรงพยาบาลรามคำแหง และมีแผนที่จะขยายธุรกิจบริหารศูนย์อาหารในสถานที่ต่าง ๆ ไม่จำกัดเพียงแต่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังพิจารณาในการขยายสาขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เน้นจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับ โดยมีจำนวน 16 สาขา
"เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและผลักดันการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าภาพรวมตลาด ดังนั้น เราจึงมีแผนลงทุนขยายธุรกิจที่ดำเนินการภายใต้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์และแบรนด์ของตนเอง ทั้งการขยายสาขาใหม่ เปิดตัวร้านรูปแบบใหม่ ปรับปรุงภาพลักษณ์สาขาปัจจุบัน เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค และผลักดันการเติบโตตามเป้าหมาย" นายซาลฮานี กล่าว
นางสาวหรรษา เสริมศรี รองประธานบริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน MM กล่าวว่า บริษัทฯ มีจุดเด่นด้านวงจรเงินสดหมุนเวียนอยู่ในระดับที่ดี กล่าวคือ บริษัทฯ รับรายได้เป็นเงินสดจากลูกค้าในทันทีแต่การจ่ายเงินคู่ค้าเป็นในลักษณะเครดิตทางการค้า ขณะเดียวกันธุรกิจของมัดแมนมีจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากได้ให้ความสำคัญกับการสร้างตราสินค้าและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกว่า 10 ปี เพื่อวางแผนพัฒนานวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่ รูปแบบร้านที่มีความทันสมัย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนนำเสนอร้านค้าในรูปแบบใหม่และพัฒนากลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโต
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตในอนาคต ได้แก่ การมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง การควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบจนถึงการกระจายสินค้าไปถึงหน้าร้าน การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและรัดกุม การกระตุ้นยอดขายและเพิ่มการรับรู้แบรนด์โดยเน้นการทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัล การสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ การขยายสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ การปรับปรุงร้านค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า การมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ