กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กระทรวงมหาดไทย ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย โดยสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้วทุกจังหวัด จึงได้ประสานจังหวัดเร่งสำรวจ ตรวจสอบ และทบทวนข้อมูลความเสียหายจากอุทกภัยให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัย ขณะนี้ดำเนินการแล้ว 7,031 หลัง อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,787 หลัง กำหนดต้องซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันด้านการประกอบอาชีพ ต้องจ่ายเงินเยียวยาแก่เกษตรกรให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับจากสถานการณ์คลี่คลาย พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ด้วยการวางแผนป้องกันเชิงโครงสร้างทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ตลอดจนประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่ภาคใต้รวม 111 จุด วางแผนแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ในแต่ละพื้นที่
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หัวหน้าศูนย์ประสานการปฏิบัติ ภายใต้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ภาคใต้ผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกันระหว่าง บกปภ.ช. ส่วนกลาง ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บกปภ.ช.ส่วนหน้า ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี รวมถึงหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย เข้าร่วมประชุมฯ สำหรับสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้วทุกจังหวัด ระดับน้ำในลุ่มน้ำต่างๆ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ปกติ และอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย บกปภ.ช. จึงได้สั่งการให้จังหวัดตรวจสอบและทบทวนข้อมูลความเสียหายจากอุทกภัยให้ถูกต้องครบถ้วน และครอบคลุมทุกด้าน ทั้งด้านการดำรงชีพ ชีวิตและทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และสิ่งสาธารณประโยชน์ เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการสงเคราะห์เยียวยาและเงินช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะด้านชีวิต ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับการเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และเงินช่วยเหลือจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งผู้เสียชีวิตแต่ละรายจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 107,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 132,000 บาท ส่วนการซ่อมแซมบ้านเรือนและที่พักอาศัยที่ได้รับความเสียหาย รวม 11,818 ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 7,031 หลัง อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,787 หลัง ทั้งนี้ มีจังหวัดประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 946 หลัง แยกเป็น เสียหายทั้งหลัง จำนวน 255 หลัง เสียหายมาก จำนวน 105 หลัง และเสียหายน้อย 578 หลัง และอื่นๆ 8 หลัง ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณในการซ่อมแซมบ้านเรือนแก่จังหวัดต่างๆ แล้วเป็นเงิน จำนวน 74,532,652 บาท บกปภ.ช.จึงได้เร่งให้จังหวัดประสานหน่วยงานรับผิดชอบหลัก 4 หน่วย ได้แก่ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทีมตำบลประชารัฐ (อาชีวะและ กศน.) ดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือน โดยกำหนดต้องดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 5 มีนาคม 2560 บ้านเรือนต้องได้รับการซ่อมแซมแล้วเสร็จครบทุกหลัง สำหรับด้านการประกอบอาชีพ ให้เร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายครอบคลุมทั้งด้านเกษตร ประมง ปศุสัตว์ พร้อมประสานการจ่ายเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับจากสถานการณ์อุทกภัยสิ้นสุด หรือวันที่30 เมษายน 2560 ทั้งเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 3,000 บาท แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเงินช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ขณะที่ระบบสาธารณูปโภคและเส้นทางคมนาคมได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการซ่อมแซมให้ใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว อีกทั้งให้จังหวัดวางแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาว โดยถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำมาปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหาเชิงป้องกันที่เน้นโครงสร้าง การขยายท่อลอด การรื้อถอนสิ่งกีดขวางทางน้ำ การขุดลอกคูคลองและการทำทางเบี่ยงน้ำ นอกจากนี้ บกปภ.ช.ได้ประสานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสิ่งกีดขวางทางน้ำทั้ง 111 จุดในพื้นที่ภาคใต้เร่งวางแผนแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำทั้งระยะกลางและระยะยาว โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ในแต่ละพื้นที่