ฟิทช์จะให้อันดับเครดิตระดับ AAA (tha) กับหุ้นกู้มีประกันไพรมัส ลีสซิ่ง ที่ค้ำประกันโดย ฟอร์ด เครดิต

ข่าวทั่วไป Tuesday November 20, 2001 10:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะให้อันดับเครดิตระยะยาวที่ระดับ 'AAA(tha)' แก่หุ้นกู้มีประกันมูลค่า 1.0 พันล้านบาทหรือ 22.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ออกภายใต้ medium-term note program (MTN) โดยบริษัท ไพรมัส ลีสซิ่ง จำกัด (ไพรมัส) อันดับเครดิตที่ฟิทช์จะให้แก่หุ้นกู้มีประกันนี้มีพื้นฐานมาจากการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขจากบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต (ฟอร์ด เครดิต) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับระดับเครดิตแบบสากล 'A-' (Negative Outlook) สำหรับสกุลเงินต่างประเทศ เมื่อเทียบกับอันดับ 'BBB-' (BBB minus) สำหรับสกุลเงินต่างประเทศและ 'BBB+' สำหรับสกุลเงินบาท (Stable Outlook) ที่ประเทศไทยได้รับ การจัดอันดับครั้งนี้จะสมบูรณ์ต่อเมื่อเราได้รับสำเนาของหนังสือค้ำประกันฉบับจริงจาก ฟอร์ด เครดิตเท่านั้น จากการค้ำประกันประกอบกับข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารของทั้งบริษัทไพรมัส ลีสซิ่ง และ ฟอร์ด เครดิต ฟิทช์ เชื่อว่า การค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขของฟอร์ดเครดิตเป็นการให้ความมั่นใจต่อผู้ลงทุนในตราสารหนี้ในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยกับผู้ลงทุนในตราสารหนี้นี้อย่างตรงเวลา และเต็มมูลค่า
ไพรมัสได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยสินทรัพย์ที่เป็น hire-purchase ได้เพิ่มขึ้นถึง 35% ในช่วงปี 2544 ที่ผ่านมา จาก 5.2 พันล้าน ณ สิ้นปี 2543 เป็น 7พันล้าน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2544 รายได้จากธุรกิจ hire-purchase ได้เพิ่มขึ้นเป็น 533 ล้านบาทในช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่ารายได้ทั้งปีซึ่งอยู่ที่ 504 ล้านบาทของปีที่ผ่านมา ผลประกอบการสุทธิในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2544 อยู่ที่ 104 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ารายได้สุทธิ 27 ล้านบาทของทั้งปี 2543 เป็นอย่างมาก สัดส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ยในช่วงเก้าเดือนแรกอยู่ที่ 1.3% เพิ่มจาก 0.4% ในปี 2543 ในขณะที่ สัดส่วนผลตอบแทนต่อทุนปรับตัวดีขึ้นจาก 7.5% เป็น 26.5%
สัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (หนี้ที่ไม่ได้รับการชำระเกินกว่า 90 วัน) ต่อมูลหนี้ทั้งหมด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากประมาณ 0.44% ในปี 2543 ไปเป็น 0.46% ในช่วงเก้าเดือนแรก ในช่วงเก้าเดือนนี้ไพรมัสมีผลขาดทุนจากการตัดหนี้สูญเป็นจำนวน 19 ล้านบาท หรือประมาณ 0.18% ของมูลหนี้โดยเฉลี่ย เทียบกับ 0.75% ในปี 2543 สัดส่วนเงินสำรองต่อผลขาดทุนจากการตัดหนี้สูญอยู่ในระดับ 7.2 เท่า ในช่วงเก้าเดือนของปี 2544 ดีขึ้นจาก 2.6 เท่าในปี 2543
ถึงแม้ว่าผลประกอบการและคุณภาพสินทรัพย์ของไพรมัสจะดีขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมาเนื่องจากการขยายตัวของตลาดและการขยายงานของบริษัท แต่รายได้ส่วนใหญ่ของไพรมัสขึ้นอยู่กับยอดขายของรถในกลุ่ม ฟอร์ด (รวมถึง ฟอร์ด มาสด้า และ วอลโว่) ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของประเทศไทย สัดส่วนทางการตลาดของสินค้าของฟอร์ดลดลงเล็กน้อยจาก 10% เป็น 9% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2544 นอกจากนี้การที่ไพรมัสใช้เงินทุนจากการกู้ยืมเพื่อขยายกิจการ ส่งผลให้ไพรมัสมีสัดส่วนของหนี้สินที่ค่อนข้างสูง ตั้งอยู่ที่ 15 เท่าของส่วนทุนบวกกับเงินสำรองหนี้เสีย อย่างไรก็ตามความกังวลต่อการที่บริษัทมีสัดส่วนหนี้ที่สูง ได้รับการชดเชยจากการสนับสนุนจากบริษัทฟอร์ด และ ฟอร์ด เครดิต ซึ่งการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์มีพื้นฐานมาจากการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขของ ฟอร์ด เครดิต
ติดต่อ
ดุษฎี ศรีชีวะชาติ, ผู้ช่วยกรรมการ, Financial Institutions, กรุงเทพฯ +662 655 4762
Vincent Milton, กรรมการผู้จัดการ, กรุงเทพฯ +662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 'AAA' ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย แนวโน้มอันดับเครดิตแสดงถึงทิศทางของอันดับเครดิตในช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า แนวโน้มอันดับเครดิตบวกหรือลบไม่ได้แสดงถึงว่าจะต้องมีการปรับอันดับเครดิตเสมอไป--จบ--
-นห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ