กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดรายชื่อ 5 อุตสาหกรรมตอบโจทย์ความสนใจในเทศกาลแห่งความรัก ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง 2.อุตสาหกรรมแฟชั่น 3.อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 4.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 5.อุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมเผยเทศกาลวันวาเลนไทน์ปี 2560 คึกคัก คาดมีเงินสะพัดทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 3,700 ล้านบาท หรือเติบโตจากปี 2559 ร้อยละ 0.87 ซึ่งถือเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีความคึกคักและทิศทางฟื้นตัวที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กสอ.ในฐานะผู้ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม ยังมีโครงการต่าง ๆ เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในกลุ่มนี้ อาทิ โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เป็นต้น
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า วาเลนไทน์ถือเป็นเทศกาลที่มีผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยหาซื้อของขวัญกันมากที่สุดเทศกาลหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดต่างให้ความสนใจแทบจะทุกธุรกิจ เนื่องจากสามารถใช้กระแสจากเทศกาลดังกล่าวมาเป็นสื่อนำเพื่อสร้างผลประโยชน์และเพิ่มมูลค่าให้กับภาคอุตสาหกรรมของตนได้ สำหรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ในปี 2560 นี้ มีการคาดการณ์ว่าการค้าและการใช้จ่ายระหว่างเทศกาลน่าจะมีเงินสะพัดทั้งประเทศเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยประมาณร้อย 0.87 (ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) ซึ่งถือเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีเนื่องจากแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีความคึกคักและทิศทางฟื้นตัวที่สูงขึ้น โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังพบว่าจากสัญญาณที่ดีเหล่านี้ยังมี 5 อุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากช่วงเทศกาล พร้อมทั้งคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่
1.อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในปัจจุบัน มีทิศทางการเติบโตที่ดีและสวนกระแสเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมีความหลากหลายมากกว่าในอดีต ทั้งในเรื่องของราคาและคุณภาพที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด รูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและทันสมัย นวัตกรรมที่แปลกใหม่ และกิจกรรมการส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ล้วนเป็นแรงดึงดูดให้ผู้บริโภคมีความต้องการและจับจ่ายใช้สอยในปริมาณ ที่มากขึ้น สำหรับในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์และเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในหลายแบรนด์สินค้าจะมีความคึกคักและน่าจับตามองอีกครั้ง เนื่องจากจะมีการแข่งขันกันอย่างสูง ทั้งการสร้างโปรโมชั่นชวนซื้อใหม่ๆ การผลิตเครื่องสำอางในรูปแบบพิเศษ รวมทั้งความต้องการในกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มสตรีที่จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางอยู่ในกระแสช่วงขาขึ้นพร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมได้ต่อไป
2. อุตสาหกรรมแฟชั่น ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมกลุ่มนี้มีทิศทางการเติบโตที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งจากกระแสวงการแฟชั่นที่ได้รับความนิยมพร้อมด้วยการส่งเสริมในหลายช่องทางจนสามารถสร้างมูลค่าได้สูงถึง 7 แสนล้านบาท สำหรับในปี 2560 นี้ คาดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นจะสามารถเติบโตได้อีกหนึ่งก้าว ซึ่งมาจากปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมคือ ทักษะการผลิตที่สูงขึ้น การออกแบบที่ก้าวล้ำ ความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มผู้บริโภค รวมทั้งนวัตกรรมด้านสิ่งทอและเทคโนโลยี ในกระบวนการต่างๆ ซึ่งในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ปีนี้ กสอ.คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีความคึกคักอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าในลักษณะการออกแบบเฉพาะบุคคล อาทิ การพิมพ์ลายพิเศษ การทำสินค้าชิ้นเดียวเฉพาะบุคคล อีกทั้งยังมีความต้องการการซื้อสินค้าในลักษณะคู่ อาทิ เสื้อคู่ รองเท้าคู่ กระเป๋าคู่ ซึ่งไม่เพียงแต่เทศกาลนี้ อย่างเดียวเท่านั้น ยังรวมถึงเทศกาลอื่นๆที่มีการซื้อของขวัญหรือของฝากอีกด้วย
3.อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ตลาดอุตสาหกรรมประเภทนี้มีการขยายตัวสูงขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเทรนด์การแต่งกายของผู้บริโภคในกลุ่มระดับกลางจนถึงระดับสูงที่นิยมใช้เครื่องประดับเสริมบุคลิกภาพ โดยเฉพาะสินค้าประเภทนาฬิกา แหวน สร้อย กำไลข้อมือ รวมทั้งสินค้าประดับอัญมณี สำหรับกลยุทธ์ที่น่าสนใจการทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงวาเลนไทน์ในปีนี้คาดว่าจะมาจากการให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ความสนใจของผู้บริโภคเป้าหมาย อาทิ การให้ส่วนลด สิทธิประโยชน์ร่วมกับบัตรเครดิต หรือบริการหลังการขาย พร้อมทั้ง คาดว่าผู้ประกอบการจะมีการนำเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งการศึกษาทิศทางการตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค การสำรวจกระแสในโลกออนไลน์ เป็นต้น ทั้งนี้ในปี 2560 คาดว่าการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ยิ่งในช่วงหน้าเทศกาลจะยิ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้ามากขึ้นตามลำดับ
4.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้เชื่อว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจะเข้ามาแทนที่หลายสินค้าและเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ให้แก่คู่รักหรือบุคคลในครอบครัวได้ เนื่องจากในหลาย ๆเทศกาลที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มตื่นตัวและต่างใส่ใจกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะ 2-3 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริม อาหารออแกนิก อาหารฟังก์ชั่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ประจำบ้าน สำหรับในปี 2560 และอนาคตมั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจสุขภาพจะยิ่งทวีคูณความสำคัญและเติบโตได้อย่างสูงเนื่องจากการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ พร้อมด้วยกระแสการออกกำลังกายและสุขภาพ จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการต่อยอดให้กับผู้ประกอบการได้พัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค
5. อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นอีกอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้มหาศาลในช่วงเทศกาลซึ่งมาจากกลยุทธ์การกระตุ้นยอดขายในช่วงระยะสั้น สำหรับในช่วงวาเลนไทน์อุตสาหกรรมกลุ่มนี้เติบโตได้จากการที่ผู้บริโภคต่างหาสถานที่เพื่อสร้าง ความประทับใจและการแสดงออกถึงความรักผ่านสถานที่ต่างๆ อาทิ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้ประกอบการจะได้มีโอกาสในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะหลั่งไหลมาเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้ สำหรับปี 2560 ทิศทาง การท่องเที่ยวของไทยเริ่มส่งสัญญาณในทางบวกและคาดว่าทุกเทศกาลจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัวในทุกมิติเพื่อให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตได้ตามสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพร้อมที่จะส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการทั้ง 5 กลุ่มอุตสาหกรรมข้างต้น รวมทั้งผู้ประกอบการที่สนใจจะดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทดังกล่าว เพื่อเป็นการผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มี การเติบโตขึ้นไป โดยมีโครงการที่พร้อมส่งเสริม อาทิ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โครงการเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคอุตสาหกรรม โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายและ การรวมกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นต้น ดร.พสุ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร.02-2024414 – 7 หรือเข้าไปที่www.dip.go.th