กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ติดตามผลการตรวจเข้ม ๕ ประเภทกิจการ จากหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศย้ำนายจ้างให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบฝ่าฝืนดำเนินการทันที นายจ้างมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วน ๑๕๔๖
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผย ภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ "เตรียมความพร้อมบุคลากรเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนความปลอดภัยในการทำงานและคุ้มครองแรงงาน" ณ โรงแรมสีดา รีสอร์ท จังหวัดนครนายก วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ว่า กสร. ได้กำหนดให้มีการตรวจเข้มสถานประกอบกิจการ ๕ ประเภทกิจการ ได้แก่ ๑. กิจการที่มีการใช้ปั้นจั่นหรือเครน ๒. กิจการที่มีการใช้สารเคมี ๓. กิจการขนส่งทางบก ๔. กิจการที่มีการใช้แรงงานเด็ก ๕. กิจการเกี่ยวกับประมงและต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยในการทำงานและการจ้างงานตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์เป็นต้นมา ตามนโยบายของพลเอก ศิริชัย ดิษฐกุลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในการลดปัญหาการประสบอันตรายและอุบัติเหตุจากการทำงานและป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กิจกรรมในวันนี้เป็นการทบทวนและประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคปฏิบัติทั่วประเทศ หลังจากที่ได้มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งเพื่อพิจารณาถึงปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานและกำหนดแนวทางป้องกันแก้ไข นอกจากนี้ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายทันทีหากพบว่ามีการฝ่าฝืน เพื่อให้การดำเนินการลดการประสบอันตรายจากการทำงานและการใช้แรงงานไม่เป็นธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจเข้มเป็นเรื่องที่กสร.ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการขนส่งทางบกซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีผู้ใช้รถโดยสารสาธารณะจำนวนมาก จึงต้องมีการดำเนินการทบทวน ปรับปรุงแผนปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง และขอความร่วมมือนายจ้าง ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบด้วย ซึ่งหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที หากนายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการใดมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครเขต ๑ - ๑๐ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่โทรศัพท์สายด่วน ๑๕๔๖