กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--เอ็ม แอนด์ เอส ครีเอชั่น
พีดีเฮ้าส์ เผยกวาดยอดจองสร้างบ้าน 180 ล้านบาทในงาน THBF 2017 มั่นใจหลังงานจบยังกวาดเพิ่มได้อีกรวม 300 ล้านบาท พลาดเป้าเล็กน้อย ชี้ตลาดบ้านสร้างเองตจว.ภาคอีสานแข่งเดือด เหตุมีรายใหม่เข้ามาแข่งขันเพียบ อาทิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ อุดรธานี เลย และอุบลราชธานี ฯลฯ สวนทางตลาดบ้านสร้างเองกทม.โทนแข่งขันไม่ร้อนแรงเท่า เชื่อเป็นสัญญาณดตลาดรับสร้างบ้านฟื้นตัว เตรียมพร้อมเร่งปรับตัวรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ผู้จัดการฝ่ายตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและวัสดุก่อสร้าง 2560 (THBF 2017) ที่เพิ่งสร็จสิ้นลงเมื่อเร็วๆ นี้ว่าความต้องการสร้างบ้าน และกำลังซื้อผู้บริโภคในไตรมาสแรกปีระกา ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ประเมินจากยอดจองปลูกสร้างบ้านของบริษัทฯ เฉพาะในช่วง 5 วันของการงานฯ มูลค่ารวม 184 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าปลูกสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นมูลค่า 82 ล้านบาท และต่างจังหวัดมูลค่า 102 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอีกจำนวนหนึ่ง ที่ตัดสินใจไม่ทันภายในวันงานฯ และมีการเจรจากันต่อ โดยคาดว่าจะปิดจองได้อีกไม่น้อยกว่า 100-120 ล้านบาท เบ็ดเสร็จน่าจะมียอดขายจากงานฯ นี้ประมาณ 300 ล้านบาทเศษ ซึ่งแม้ว่ายอดขายจะต่ำกว่าเป้าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่พอใจในสถานการณ์ปัจจุบัน
"จากการสำรวจตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัดเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทฯ พบว่ามีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันในธุรกิจสร้างบ้านกันมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน อาทิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ อุดรธานี เลย และอุบลราชธานี ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเหล่านี้ ผันตัวเองมาจากผู้ค้าวัสดุและผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป ตลอดจนสถาปนิกหรือพนักงาน ที่เคยทำงานอยู่กับบริษัทรับสร้างบ้าน ลาออกมาเปิดธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นของตัวเอง ส่งผลให้ตลาดบ้านสร้างเองในหลายๆ จังหวัดภาคอีสานมีการแข่งขันราคากันดุเดือด ในขณะที่ตลาดบ้านสร้างเองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าการแข่งขันราคากลับไม่รุนแรงเท่า ซึ่งมีเพียงบริษัทรับสร้างบ้านกลุ่มผู้นำตลาด 2-3 รายเท่านั้น ที่ยังคงโฆษณาและประชาสัมพันธ์พร้อมเน้นจัดโปรโมชั่น ลด แจก แถม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในช่วงแรกของไตรมาสนี้"
สถานการณ์ดังกล่าว ทั้งจากมูลค่าสร้างบ้านต่อหน่วยที่สูงขึ้น สัดส่วนลูกค้าปลูกสร้างบ้านในเขตกทม.และปริมณฑลที่เติบโตขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ ที่ลดโทนการแข่งขันราคาลง อาจสะท้อนได้ว่าแนวโน้มและทิศทางตลาดบ้านสร้างเองน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการปรับตัว เพื่อรับมือกับการแข่งขันในยุค 4.0 และเตรียมความพร้อมขยายตลาดทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านตามแผน 5 ปีที่วางไว้ นางสาวถิรพร กล่าวสรุป