บทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง พิภพวานร ยึดทุกโรงทั่วไทย ฉายพร้อมสหรัฐอเมริกา 27 กรกฎาคมนี้

ข่าวทั่วไป Tuesday July 17, 2001 09:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--Twentieth Century Fox
เมื่ออากาศยานลำหนึ่งเกิดขัดข้อง นักบินหนุ่มพยายามนำเครื่องลงไปยังพิภพประหลาด เขาพบว่า มันเป็นโลกล้าหลัง และเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน ปกครองโดยบรรดาวานรทั้งหลาย ในขณะที่บรรดามนุษยชาติกลับถูกไล่ล่า และตกเป็นทาสรับใช้ของวานรร่างยักษ์เค้าโครงเรื่องของนวนิยายคลาสสิคชื่อ Planet of the Apes ของ ปิแอร์ บูเล่ ( Pierre Boulle ) ข้างต้นกลายเป็นแนวคิดที่หาญกล้า และได้รับการยกย่องทั้งในแวดวงผู้นิยมชมชอบหนังสือนิยาย และกลุ่มผู้ชมภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์
บัดนี้ ทิม เบอร์ตั้น ( Tim Burton จาก "Batman," "Beetlejuice," "Edward Scissorhands," และ "Sleepy Hollow" ) นักสร้างภาพยนตร์มือฉกาจ หยิบเค้าโครงเรื่องของ บูเล่ มาปัดฝุ่น และแต่งเสริมเติมจินตนาการอันวิจิตรแปลกแยกให้กับ การผจญภัยที่ไม่มีใครกล้าเทียบชั้น สู่โลกลี้ลับเหลือเชื่อที่กลับตาลปัตรเกินคาดเดาสไตล์ และวิธีการนำเสนอของ เบอร์ตั้น สร้างมุมมองใหม่ให้กับทั้งเรื่องราว, งานออกแบบ, และเมคอัพเอ็ฟเฟ็ค "ผมไม่ได้อยากสร้างหนังเรื่อง 'Planet of the Apes' ชนิดเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว หรือสร้างตอนต่อจากฉบับดั้งเดิมที่แสนจะคลาสสิค" ผู้กำกับภาพยนตร์กล่าว "แต่ผมปรารถนาที่จะกลับไปเยือนโลกใบนั้นอีกสักครั้ง เฉกเช่นผู้คนทั่วไป ชีวิตของผมได้รับอิทธิพลจากหนังเรื่องนี้ไม่น้อย เปรียบได้กับ นิยายชั้นดี หรือ นิทานก่อนนอน ที่จะติดอกติดใจเราไปตลอด แนวคิดที่จะปัดฝุ่นจินตนาการว่าด้วยนวนิยายล้ำเลิศเรื่องนี้ทำให้ผมตื่นเต้นมากเลยครับ"
"หนังเรื่องนี้มีชีวิตในตัวเอง และเราก็พยายามเคารพผลงานฉบับดั้งเดิมอย่างยิ่ง" เบอร์ตั้นกล่าว "เราหวังที่จะนำความยอดเยี่ยมของมัน มาสอดแทรกตัวละครใหม่ ๆ และประเด็นของเรื่องราวที่ลึกซึ้ง แม้จะยังคงรักษาไว้ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของฉบับดั้งเดิม แต่อาจจะเป็นโลกที่แปลกออกไปสักหน่อย"
โลกที่ "แปลกออกไปสักหน่อย" น่าจะเป็นคำจำกัดความที่เหมาะกับผลงานของ เบอร์ตั้น ที่ผ่านมาทุกเรื่อง "เมื่อคุณเอ่ยถึง 'Planet of the Apes' รวมเข้ากับ ทิม เบอร์ตั้น ( Tim Burton ) ด้วยแล้ว มันช่างเป็นแนวคิดที่บรรเจิดมากเหมือนกับสายฟ้าฟาดลงบนจอภาพยนตร์เลยทีเดียว" ริชาร์ด ดี. ซานัค ( Richard D. Zanuck ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์กล่าว "หนังของ ทิม ทุกเรื่องล้วนวิจิตรเลิศเลอเกินจินตนาการ และมีภาพบรรเจิดตระการตาทั้งสิ้น เขามองสิ่งต่าง ๆ ออกมาสุดโต่ง ซึ่งนั่นก่อให้เกิดผลงานยอดเยี่ยมมากมาย ผมไม่เห็นว่าจะมีโอกาสใด ๆ วิเศษยิ่งไปกว่าการจับ ทิม เบอร์ตั้น ( Tim Burton ) มาเข้าคู่กับ 'Planet of the Apes' อีกแล้ว มันเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์สำหรับผมเลยทีเดียว"
ซานัค น่าจะเป็นผู้ที่กล่าวเช่นนั้นได้เต็มปาก เพราะเขาเป็นผู้กุมบังเหียนของ Fox ที่อนุญาตให้ "ไฟเขียว" สร้างภาพยนตร์เรื่อง 'Planet of the Apes' เมื่อปี 1968 "บางครั้งผมก็รู้สึกราวกับว่า ผมท่องกาลเวลาข้ามกลับไปมาเลยทีเดียว" เขากล่าวเสริม
ผู้บริหารงานอำนวยการสร้างภาพยนตร์ ราล์ฟ วินเตอร์ ( Ralph Winter ) ร่วมงานกับ ซานัค อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างภาพฝันสุดยอดจินตนาการของ เบอร์ตั้น ให้ปรากฎเป็นจริงบนจอภาพยนตร์ ร่วมด้วยศิลปินมือฉมังของวงการภาพยนตร์ปัจจุบันหลายคน อาทิ ริค เบเกอร์ ( Rick Baker จาก "Men in Black," "The Nutty Professor," และ "How the Grinch Stole Christmas" ) เจ้าของรางวัลออสการ์ ( Academy Award ) หกตัวเป็นผู้ออกแบบและสร้างสรรค์เมคอัพเอ็ฟเฟ็ค, ฟิลิป รัสเซลล็อต ( Philippe Rousselot, AFC/ASC จาก "A River Runs Through It" ) ที่เคยได้รับ รางวัลออสการ์ ( Academy Award ) มาแล้วเป็นผู้กำกับภาพ
เบอร์ตั้น ยังดึงเพื่อนรู้ใจมาร่วมงานด้วยหลายคน รวมทั้ง ริค ไฮน์ริช ( Rick Heinrichs จาก "Sleepy Hollow" ) ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ฉากเจ้าของรางวัลออสการ์ ( Academy Award ), คอลลีน แอ็ทวู้ด ( Colleen Atwood จาก "Sleepy Hollow" ) ผู้แบบเสื้อผ้าเครี่องแต่งกายที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ ( Academy Award ), แดนนี่ เอลฟ์แมน ( Danny Elfman จาก "Batman" ) ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เจ้าของรางวัล Grammy, และ คริส เลเบ็นซอน ( Chris Lebenzon, A.C.E. ) ที่เป็นผู้ตัดต่อภาพยนตร์ทุกเรื่องของ เบอร์ตั้น, และ Industrial Light & Magic ที่เคยได้รับรางวัลออสการ์ ( Academy Award ) ถึง 14 รางวัลจากผลงานในภาพยนตร์กว่า 120 เรื่องก็ร่วมสร้างสรรค์ภาพเอ็ฟเฟ็คพิเศษให้กับ PLANET OF THE APES ด้วย
"นี่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักสร้างหนังที่เหลือเชื่อจริง ๆ หลายคนเคยคว้า รางวัลออสการ์ มาหลายตัวแล้วด้วย" วินเตอร์ ตั้งข้อสังเกต "หนังเรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่ความยิ่งใหญ่ของงานสร้าง แต่ยังรวมถึงผู้ร่วมงานระดับยอดฝีมือ ทั้งดาราหน้ากล้อง และคณะผู้สร้างที่อยู่หลังกล้องด้วย"
ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ฉาก ริค ไฮน์ริช ( Rick Heinrichs ) เป็นเพื่อนกับ เบอร์ตั้น มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และร่วมงานกับ เบอร์ตั้น ในภาพยนตร์ทุกเรื่องของเขา "ทิม มีมุมมองเฉพาะตัว และสัมผัสลึกซึ้งถึงแก่นและสะท้อนออกมาเป็นผลงานที่ประทับใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย" ไฮน์ริช กล่าว "แค่ได้มีส่วนร่วมในงานสร้างหนังของเขาก็เยี่ยมสุด ๆ แล้ว เพราะไม่เคยมีหนังเรื่องไหนซ้ำแนวเดิมเลยสักเรื่อง เขาพร้อมที่จะเสี่ยงสุดชีวิต และยังกระตุ้นให้พวกเราทุ่มสุดตัวเช่นกัน"
ไฮน์ริช มั่นใจว่า บรรดาผู้ที่อยู่ใน PLANET OF THE APES เป็น "จินตนาการสุดบรรเจิด" ของ เบอร์ตั้น "เขามักสนุกกับการเปรียบเทียบนิสัยของสัตว์กับคน ลองนึกถึงตัวละครอย่าง เจ้าเพ็นกวินตุ๊ต๊ะ ( Penguin ), แมวสาวเจ้าเสน่ห์แค็ทวูแมน ( Catwoman ), หรือแม้แต่ แบ็ทแมน ( Batman ) อัศวินแห่งรัตติกาล ดูเอาเองก็แล้วกัน แล้วในโลกที่วานรเป็นใหญ่ เราจะได้เห็นความเจริญในอีกอารยธรรมหนึ่งอย่างชัดเจน แต่นิสัยที่เจริญแล้วของเหล่าวานรนั้นกลับมีสิ่งเคลือบแฝง - บางทีอาจจะไม่ครอบคลุมทุกอย่างเทียบเท่ามนุษย์ และธรรมชาติของสัตว์ก็ลึกซึ้งเกินกว่าที่เราจะสัมผัสเพียงผิวเผินเท่านั้น"
ความกล้าหาญชาญชัยของ เบอร์ตั้น ไม่มีขอบเขตของโลกใด ๆ จะมาขวางกั้นไว้ได้ "เราจะไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในแคนซัส ( Kansas ) อีกแล้ว" วิลเลี่ยม บรอยล์, จูเนียร์ ( William Broyles, Jr. จาก "Cast Away" ของ Fox และยังร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง "Apollo 13" ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ ด้วย ) ประกาศกร้าว บรอยล์ เล่าว่า PLANET OF THE APES ของ เบอร์ตั้น จะนำเสนอ "สัมผัสแห่งความสมจริง และการผจญภัยสุดระทึก มันย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ชีวิตตามใจปรารถนา, การมุ่งมั่นใช้ชีวิตเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสำคัญของตัวคุณเอง"
บรอยล์ ยังกล่าวเสริมว่า PLANET OF THE APES "ช่วยให้เราเข้าใจผู้คนที่แปลกแตกต่าง - เข้าใจวัฒนธรรมของเขา, เข้าใจชาติพันธุ์ของเขา, เข้าใจภูมิปัญญาของเขา, เข้าใจชนชาติของเขา, หรือแม้แต่เข้าใจศาสนาความเชื่อของเขา - แล้วคุณก็จะเข้าใจผู้คนเหล่านั้นต่างไปจากเดิมแน่นอน"
ลอว์เร้นซ์ คอนเนอร์ และ มาร์ค โรเซ็นธัล ( Lawrence Konner & Mark Rosenthal จาก "Mighty Joe Young," และ "Star Trek VI: The Undiscovered Country" ) ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย คอนเนอร์ ขนานนามวิธีการที่ เบอร์ตั้น นำเสนอว่า "มีชีวิตชีวา, แปลกใหม่, และสนุกสนาน" โรเซ็นธัล กล่าวเสริมว่า "เป็นมุมมองพิเศษเฉพาะตัวโดยแท้ - เป็นของ ทิม เบอร์ตั้น ( Tim Burton ) ล้วน ๆ - และมันเต็มไปด้วยสไตล์ล้ำเลิศ และทัศนคติสุดบรรเจิดจริง ๆ "
การถ่ายทอดมุมมองของ เบอร์ตั้น เป็นภาระกิจสำคัญของ ริค เบเกอร์ ( Rick Baker ) ช่างแต่งหน้าเมคอัพเอ็ฟเฟ็ค เบเกอร์ เป็นกลไกสำคัญที่ส่งให้ภาพยนตร์หกเรื่องของเขาประสบความสำเร็จ และได้รับ รางวัลออสการ์ ( Academy Award ) จาก "Ed Wood" ของ เบอร์ตั้น, "Men in Black," "The Nutty Professor," "Harry and the Hendersons," "An American Werewolf in London," และ "How the Grinch Stole Christmas" ด้วย เบเกอร์ ยังเคยร่วมงานกับลิงมาแล้วใน "Gorillas in the Mist" และยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ สองครั้งจาก "Greystoke: The Legend of Tarzan, Lord of the Apes," และ "Mighty Joe Young" ด้วย"เราต้องการให้เรื่องราวมันดำเนินไปโดย นักแสดง และลีลาความสามารถในการแสดงเป็นหลัก" เบอร์ตั้นกล่าว "ดังนั้น ริค เบเกอร์ ( Rick Baker ) จึงต้องอาศัยเมคอัฟเอ็ฟเฟ็คชั้นสูง ซึ่งเรามั่นใจว่า นั่นจะช่วยให้นักแสดงทุกคนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ทุกกระเบียดสู่ผู้ชมอย่างครบถ้วน"
"ผมอยากทำหนังเรื่องนี้โดยอ้างอิงจาก ชื่อเรื่อง และทิม เบอร์ตั้น ( Tim Burton ) เพียงเท่านั้น" เบเกอร์กล่าว "หนังฉบับดั้งเดิม อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายหันมาเป็น เมคอัพ อาร์ทติส มากกว่าที่หนังเรื่องอื่นใดเคยมีอิทธิพลกับผู้คนเชียวล่ะ ผมเชี่ยวชาญงานแต่งหน้า และแต่งคนให้เป็นลิง และนี่จะเป็นสุดยอดหนังที่ผมรอคอยมาชั่วชีวิต"
"การแต่งหน้าของหนังฉบับดั้งเดิมก็ยอดเยี่ยมสุด ๆ แล้วสำหรับยุคนั้น" เบเกอร์กล่าวต่อ "แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามีเพียงหัวลิงต้นแบบ - อาจจะเป็น กอริลล่า, ชิมแพนซี, และอุรังอุตัง - แล้วก็จะทำเลียนแบบออกมาเหมือนกันสำหรับให้นักแสดงทุกคนสวม ทุกตัวก็จะไว้ผมทรงเดียวกัน และมีจมูกยื่น ๆ แบบเดียวกันหมด ส่วนฟันก็จะเก็บมิดชิดอยู่ในปากจนผู้ชมไม่อาจเห็นเลยแม้สักนิด ผมอยากให้เหล่าวานรของเราจะมีริมฝีปากที่เคลื่อนไหวได้ และผู้ชมจะได้เห็นฟันของพวกมันด้วย ผมว่า ฟันที่โผล่ออกมาจะทำให้เราเชื่อว่า วานรเหล่านี้พูดคุยกันจริง ๆ นอกจากนั้นผมยังอยากให้วานรแต่ละตัวแตกต่างกันไป ผมอยากให้มันมีบุคลิกของมันเอง และมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน"
เมคอัพเอ็ฟเฟ็คสุดยอด และไม่เหมือนใครของ เบเกอร์ ต้องใช้เวลาตกแต่งนักแสดงหลัก ๆ นานหลายชั่วโมง รวมทั้ง พอล จิอาแม็ทติ ( Paul Giamatti ), ไมเคิ้ล คล้าร์ก ดันแคน ( Michael Clarke Duncan ), ทิม ร็อธ ( Tim Roth ), และ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ ( Helena Bonham Carter ) ที่จะต้องสวมบทบาทเป็นวานร พวกเขาจะต้องมาถึงกองถ่ายกันตั้งแต่ตีสอง หรือตีสามทุกเช้า เพื่อจะได้เข้ากระบวนการแต่งเมคอัพเอ็ฟเฟ็คกันราวสามถึงสี่ชั่วโมง
แต่งานเมคอัพเอ็ฟเฟ็คนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นวันอันแสนจะท้าทายเท่านั้น "เราจำเป็นต้องดื่มน้ำมาก ๆ เพราะข้างในชุดนี่มันร้อนมาก" จิอาแม็ทติเล่า ส่วนช่วงพักกลางวัน ที่นักแสดงและคณะผู้สร้างมักจะได้ผ่อนคลายกันตามอัธยาศัยนั้น กลับไม่สบายเช่นนั้นเลย "ช่วงมื้อกลางวันนี่ก็เครียดไม่น้อยหรอกนะ" จิอาแม็ทติกล่าว "เพราะเราจะต้องส่องกระจกกิน เพื่อระวังไม่ให้อาหารที่กำลังจะเข้าปากหกเรี่ยราด หรือไหลเปรอะเปื้อนเมคอัพ และเราก็ยังต้องกินด้วยตะเกียบ เพราะมันทำให้เรายื่นอาหารเข้าไปใน และกลับออกจากปากได้โดยไม่ไปแตะต้องเมคอัพให้ต้องเหนื่อยแต่งกันใหม่"--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ