กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--กทม.
เผยผลพิจารณางบปี 2544 คณะกรรมการวิสามัญฯ ระบุงบสำนักพัฒนาชุมชนไม่มีปัญหา แต่แนะแนวทางกระจายให้เขตของบพัฒนาพื้นที่เองในปีหน้าเพื่อให้งบถึงเขตเร็วขึ้น พร้อมทั้งให้คณะอนุกรรมการฯตรวจสอบความเหมาะสมการใช้งบในรายการเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ปรับปรุงสวน ของสำนักสวัสดิการสังคมซึ่งมีวงเงินสูง ส่วนงบสำนักการศึกษาหลายรายการยังไม่ชัดเจนต้องขอรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนพิจารณา
นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสัมพันธวงศ์ในฐานะโฆษกคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2544 เปิดเผยผลการพิจารณาการเสนองบประมาณของสำนักสวัสดิการสังคม และสำนักการศึกษาว่า ในส่วนของสำนักพัฒนาชุมชนซึ่งเสนอของบจำนวน 199.74 ล้านบาท นั้น ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยคณะกรรมการฯ ขอรายละเอียดแต่ละรายการมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม อย่างไรก็ดีคณะกรรมการฯได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับรายการค่าใช้จ่าย บางโครงการที่อาจซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น เช่น ค่าใช้จ่ายโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจำนวน 6 ล้านบาท ซึ่งคล้ายคลึงกับงานที่ทางสำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย ดำเนินการอยู่แล้ว จึงขอทราบรายละเอียดว่า ทางสำนักพัฒนาชุมชนดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับโครงการนี้ และมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ในส่วนรายการค่าใช้จ่ายตามโครงการพัฒนาต่างๆ ซึ่งทางสำนักพัฒนาชุมชนจะต้องพิจารณาโอนให้เขตที่เสนอขออีกทีหนึ่ง เช่น โครงการพัฒนาจัดการที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐาน โครงการพัฒนาสภาพแวดล้อมชุมชน ในการเสนอของบครั้งต่อไปควรให้เขตเป็นผู้เสนอรายการนี้เอง เพื่อให้งบเข้าถึงเขตได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอโอน
สำนักสวัสดิการสังคม สำหรับสำนักสวัสดิการสังคม ได้เสนอของบฯ จำนวน 1,211.36 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้ในแผนงานบริการสังคม ทั้งนี้ ในรายการค่าใช้จ่ายโครงการพิพิธภัณฑ์เด็ก ซึ่งเป็นงบผูกพัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2540-2544 โดยในปี 2543 ทางสำนักสวัสดิการสังคมได้มีการโอนงบประมาณในส่วนหนึ่งจากที่เสนอขอเป็นงบดำเนินการจำนวน 105 ล้านบาท ไปเป็นงบลงทุน 40.6 ล้านบาท เพื่อสมทบกับงบลงทุนที่ได้ขอไว้แล้ว 44 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการใช้งบประมาณไม่ตรงตามรายการที่ขอไว้ คณะกรรมการวิสามัญฯ จึงขอพิจารณาในรายละเอียดการใช้เงินในปี 2543 ก่อนที่จะพิจารณางบประมาณปี 2544 จำนวน 41.6 ล้านบาท ที่เสนอขอสำหรับโครงการดังกล่าวนี้ต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการวิสามัญฯยังได้ขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ซึ่งใช้วงเงินค่อนข้างสูง เช่น การปรับปรุงสวนหย่อม สวนสาธารณะ พื้นที่สีเขียว การปลูกต้นไม้ จำนวน 100 ล้านบาท โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม จำนวน 10 ล้านบาท ฯลฯ โดยคณะอนุกรรมการฯจะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดว่ารายการที่เสนอขอมานั้นมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด
สำนักการศึกษา ในส่วนของสำนักการศึกษา เสนอของบฯจำนวน 497.04 ล้านบาท คณะกรรมการวิสามัญฯได้ตั้งข้อสังเกตการเสนอของบประมาณในหลายรายการด้วยกัน อาทิ การจัดซื้อรถปรับอากาศ 2 ชั้น ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน เพื่อบริการรับส่งเด็กนักเรียนในกรณีไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน ว่าเหตุใดจึงต้องใช้วงเงินสูงถึง 35 ล้านบาท ประกอบกับกทม.ได้ซื้อรถสีเหลืองบริการรับส่งนักเรียนไปแล้ว ให้ตรวจสอบดูว่าได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่หรือไม่ และตรวจสอบสภาพของรถว่าสมบูรณ์มากน้อยหรือควรแก้ไขปรับปรุงรถที่มีอยู่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร เพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณในส่วนนี้โดยที่เด็กนักเรียนยังได้ประโยชน์อยู่ ค่าใช้จ่ายโครงการครูชาวต่างประเทศสอนภาษาอังกฤษนักเรียนกทม. 25 ล้านบาท คณะกรรมการฯตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่ปี 2539-2543 กทม.ได้นำครูต่างชาติ 167 คนมาสอนภาษาอังกฤษให้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ แต่ปีนี้ได้เพิ่มรายการนี้เข้ามาใหม่ เหตุใดกทม.จึงไม่นำบุคลากรของกทม.เองมาสอน เพื่อประหยัดงบประมาณในส่วนนี้
นายพินิจ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสำนักการศึกษา นั้น คณะกรรมการวิสามัญฯยังได้ให้คณะอนุกรรมการฯ ไปศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความจำเป็นในการของบประมาณ เพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพครู โครงการห้องเรียนในโลกกว้าง โครงการอนุรักษ์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย การพัฒนาครูแกนนำเพื่อเป็นต้นแบบปฏิรูปการเรียนรู้ การอบรมหลักสูตรวัดผลการศึกษา และและการส่งเสริมศักยภาพครูต้นแบบปฏิรูปการเรียนรู้ดีเด่น ว่ามีความเหมาะสมสอดคล้องกับวงเงินที่เสนอขอมา หรือมีความซ้ำซ้อนหรือไม่--จบ--
-นศ-